สังคม

heading-สังคม

หมอโอ๋ เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน แจ้งข่าวติดโควิดยกครัวลามยันแม่บ้าน

09 ก.ค. 2564 | 15:22 น.
หมอโอ๋ เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน แจ้งข่าวติดโควิดยกครัวลามยันแม่บ้าน

หมอโอ๋ เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน แจ้งข่าวติดโควิดยกครัวลามยันแม่บ้าน ทั้งที่ฉีดSinovac ครบสองเข็ม คาดว่าน่าจะได้รับเชื้อมาจากโรงพยาบาล เพราะคุณหมอไม่มีความเสี่ยงอื่นๆ

หมอโอ๋ เจ้าของเพจดัง เลี้ยงลูกนอกบ้าน แจ้งข่าวที่ทำเอาแฟนเพจห่วงหนักว่าหมอโอ๋กับสามีและลูกวัย 8 ขวบติดเชื้อโควิด-19 และแม่บ้านเองก็เริ่มมีอาการป่วยแล้วเช่นกัน

คุณหมอบอกว่าคุณหมอและสามีฉีดวัคซีน Sinovac ครบสองเข็ม แล้ว ตอนแรกจึงถูกจัดอยู่ในกลุ่มผู้มีความเสี่ยงต่ำ โดยคาดว่าน่าจะติดเชื้อมาจากโรงพยาบาล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

heading-ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตั้งแต่เขียนเพจมา โพสต์นี้เป็นโพสต์ที่มีความยากลำบากที่สุดในการตัดสินใจเขียน อยากเรียนให้ทราบว่า "หมอและครอบครัวติดเชื้อโควิดแล้วนะคะ"

หมอมีประวัติสัมผัสบุคลากรที่มาทราบทีหลังว่ามีการติดเชื้อ หมอใส่หน้ากากป้องกันตลอดเวลาขณะทำงาน และไม่ได้กินข้าวร่วมกับใครในระยะเวลาที่มีความเสี่ยง ทาง IC รพ.ประเมินว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงต่ำ แต่ให้ไปตรวจ เพราะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ 

ตรวจครั้งแรก ผลเป็นลบ ทางหน่วยสอบสวนโรคติดเชื้อของรพ. ประเมินว่ามีความเสี่ยงต่ำ เพราะ "ฉีดวัคซีนครบ" ใส่แมสก์ตลอดเวลา ให้ทำงานได้ตามปกติ ช่วงค่ำๆ ก่อนวันตรวจซ้ำ หมอมีไข้ต่ำๆ คัดจมูก กินอาหารเหมือนไม่ค่อยรู้รส เลยชวนสามีไปตรวจด้วยกันเลย ผลเป็นบวกทั้ง 2 คน  จากการสอบสวนโรค คาดว่าเราน่าจะได้รับเชื้อมาจากโรงพยาบาล เพราะไม่มีความเสี่ยงอื่นๆ หมอส่งไทม์ไลน์ให้ทาง IC ของรพ. และได้แจ้งกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว 

เราสองคนทำงานเป็นอาจารย์ในโรงเรียนแพทย์ เราไม่ได้เป็นบุคลากรด่านหน้า แต่ก็ยังต้องทำงานพบปะกับคนไข้มากมาย ขณะนี้มีบุคลากรในโรงเรียนแพทย์ ทะยอยติดเชื้อกันเป็นจำนวนมาก มีหอผู้ป่วยต้องปิดไปหลายวอร์ดทเราสองคนมีความระมัดระวังสูงมากพอสมควร ไม่ได้ถอดแมสก์ขณะทำงาน และไม่ได้ทานข้าวกับใครในระยะที่มีความเสี่ยง (การ์ดสูงกว่านี้ก็ต้องเชียร์ลีดเดอร์แล้วค่ะ ) เราทั้งคู่ฉีด Sinovac ครบสองเข็ม เข็มสุดท้าย เมื่อประมาณสองเดือนก่อนพอดี 

เมื่อรู้ว่าติดโควิด… สิ่งที่ยากลำบากไม่ใช่เพียงแค่การต้องเผชิญกับความกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้น แล้วแค่ปลอบใจตัวเองได้ว่า เราไม่น่าตาย เพราะฉีดวัคซีนที่น่าจะช่วยกันตายได้ แต่มันหมายถึงความเสี่ยงของทุกคนที่อยู่รอบข้างเรา … 
ถ้าลูกตรวจมาว่ายังไม่ติด หมอจะเอาลูกไปอยู่ที่ไหน? เพราะทุกบ้านที่ส่งไปเราก็ไม่อยากให้เค้าต้องรับกับความเสี่ยง? แล้วลูกจะติดจากเราไหม? ถ้าลูกเป็นอะไรเราไปดูลูกไม่ได้ เราต้องใจจะขาดแน่ๆ คุณพ่อที่มีโรคเรื้อรังมากมายจะติดไหม? ถ้าคุณพ่อติดไป หมอก็คงต้องเตรียมทำใจบ๊ายบายคุณพ่อได้เลย แม่บ้านที่อยู่กับเรายังไม่ได้วัคซีนเพราะยังไม่ถึงคิว เขาจะแย่มากไหม? คนไข้ที่เราเจอเค้ามากมายขณะที่เราไม่รู้ตัว จะติดไปรึเปล่า? คนรอบตัวที่เรายังเจอเขาอยู่บ้าง จะโกรธเรามั้ยที่ทำให้เขาต้องเดือดร้อน งานที่กำลังต้องทำมากมาย ใครจะเป็นคนทำ ฯลฯ นี่ขนาดหมอ คือ คนที่ถือว่ามี privilege ในสังคม มีบ้านที่มีห้องแยกหลายห้องถ้าจะต้องรอเตียง มีความเป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำให้เราน่าจะเข้าถึงบริการได้ไม่ยาก ยังรู้สึกว่าอะไรๆ มันยากไปหมด ต้องใช้พลังใจสูงมากๆ แล้วชาวบ้านทั่วไปล่ะ…

การติดเชื้อของคนๆ หนึ่ง ส่งผลกระทบต่อคนหลายคน โดยเฉพาะคนที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ คนไข้จำนวนมากของหมอถูกยกเลิก สามีต้องยกเลิกเคสที่นัดผ่าตัด คนใกล้ชิดต้องกักตัว ที่สำคัญขณะนี้หมอกำลังมองลูกสาววัย 8 ขวบที่ไข้ขึ้นสูง ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไปด้วยกับแม่บ้านที่ยังไม่ได้วัคซีน แต่เริ่มมีอาการเหมือนเหนื่อยๆ พร้อมได้ยินคำพูดแว่วๆ ว่า "อย่าเห็นแก่ตัว" ด้วยหัวใจที่รู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ 

สุดท้ายนี้… หมออยากกราบขอบพระคุณ คุณหมอรุ่นใหม่ๆ หลายท่าน ที่ออกมายืนยันด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ตั้งแต่เริ่มต้น ว่าเราควรมีวัคซีน mRNA ให้กับประเทศไทย โดยต้องทนแรงกดดัน ทนการถูกต่อว่าจากผู้มีอำนาจ ทนการถูกกล่าวหาว่าชังชาติ แต่ยังยึดมั่นในหลักวิชาการที่ถูกต้อง และมีความกล้าหาญทางจริยธรรม  อยากเชิญชวนให้ไปฉีดวัคซีนเท่าที่มี เพราะอย่างน้อยมันก็อาจทำให้เรามีโอกาสที่จะรอด อยากขอบคุณคนไทยทุกคนที่ส่งเสียงเรียกร้องวัคซีนที่มีประสิทธิภาพดีพอ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ มันไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว แต่นี้คือเรื่องของส่วนรวม "เพราะเมื่อเราล้ม คุณจะล้ม"

ขอบคุณ ที่มองเห็น ว่าทุกวันนี้เราไม่ควรต้องประสบชะตากรรมที่เจออยู่นี้ และควรจะมีคุณภาพชีวิตของทุกคนที่ดีกว่านี้ และต้องช่วยกันวางแผนที่จะป้องกันไม่ให้อะไรๆ เลวร้ายไปกว่านี้ ส่วนตัวหมอเชื่อว่า "พลังบวก" ไม่ได้แปลว่าเราควรเลือกเขียนถึงแต่สิ่งดีๆ โดยละเลยทำเป็นมองไม่เห็นปัญหาที่มีอยู่ตรงหน้าเต็มไปหมด แต่พลังบวกเกิดขึ้นจากการ พูด "ความจริง" ที่เกิดขึ้น วิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้นแบบตรงไปตรงมา มี "empathy" กับคนที่เขามีความเดือดร้อน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่คนที่อยู่ในสถานะที่มี Privelege อย่างพวกหมอ ที่สำคัญ คือ "ช่วยส่งเสียง" สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับคนที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียง ยังเชื่อมั่นใน"พลังบวก" ของสังคมเสมอนะคะ

หมอโอ๋เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน

ผู้ที่วันนี้พบว่าเราไม่ควรต้องเดินทางมาถึงจุดนี้เลยจริงๆ ป.ล. ต้องขออภัยที่ไม่ได้แจ้งข่าวตั้งแต่วันแรกนะคะ พอดีมีอะไรต้องทำหลายอย่าง และอยากเตรียมตัวลูกสาววัย 8 ขวบให้พร้อมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ก่อน

เพจเลี้ยงลูกนอกบ้านติดโควิดยกครัว

ขอบคุณ เลี้ยงลูกนอกบ้าน

ข่าวล่าสุด

heading-ข่าวล่าสุด

ข่าวเด่น

เปิดดวง 3 ราศีดวงดีฟ้าประทาน เงินทองไหลมาเทมา รักหวานฉ่ำ!

เปิดดวง 3 ราศีดวงดีฟ้าประทาน เงินทองไหลมาเทมา รักหวานฉ่ำ!

อย่ามองข้าม "คะน้า" ราชินีผักใบเขียว กินง่าย ได้สุขภาพเต็มๆ

อย่ามองข้าม "คะน้า" ราชินีผักใบเขียว กินง่าย ได้สุขภาพเต็มๆ

"ณิชา" สะดุ้ง "เจมมี่เจมส์" อวยพรวันเกิดสุดแซ่บ ขอให้คน...ออกไปจากชีวิต

"ณิชา" สะดุ้ง "เจมมี่เจมส์" อวยพรวันเกิดสุดแซ่บ ขอให้คน...ออกไปจากชีวิต

เปิดสีเสื้อมงคลวันจันทร์ 21 เมษายน 2568 สายมูห้ามพลาดมีสีเดียว

เปิดสีเสื้อมงคลวันจันทร์ 21 เมษายน 2568 สายมูห้ามพลาดมีสีเดียว

เงินเดือนข้าราชการ 2568 เริ่มปรับฐานใหม่วันไหน ขึ้นกี่บาท

เงินเดือนข้าราชการ 2568 เริ่มปรับฐานใหม่วันไหน ขึ้นกี่บาท