หมอธีระวัฒน์ ชี้ฉีดวัคซีนสลับกัน สู้โควิดพันธุ์อัลฟ่า-เดลต้า ได้ชะงักนัก
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เผย ฉีดวัคซีนสลับสู้โควิด-19 ได้ดี ทั้ง สายพันธุ์อัลฟ่า-เดลต้าแต่ แต่ต้องพ่วงด้วยความสามารถเฉพาะต่อชนิดของไวรัส
วันที่ 13 ก.ค.64 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ระบุว่า วัคซีนหรรษา 13 กรกฎาคม 2564 ข้อมูลไม่ได้เป็นการอวย เอื้อ หรือ ต่อต้าน แทรกแซง ทางการใดๆทั้งสิ้น เป็นการชี้ให้เห็นความสำคัญของสองปัจจัยนั่นคือ ระดับภูมิที่วัดจากในเลือดควรมีระดับสูงอยู่คงนานและนอกจากนั้น ยังต้องขึ้นอยู่กับว่าระดับภูมิที่สูงดังกล่าวได้จากวัคซีนชนิดใดที่มีในปัจจุบัน จึงจะสามารถเจาะจงกับสายพันธุ์อื่นๆได้ ไม่ใช่สูงอย่างเดียว
การใช้วัคซีนไขว้ สลับสับเปลี่ยน หรือตามซ้ำด้วยต่างยี่ห้อต่างเทคนิค กลายเป็นเรื่องสนุกสนาน หรรษาไปตามกันในเดือนกรกฎาคม 2564 และกลายเป็นเรื่องพูดกันไม่รู้จบ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางด้านนโยบาย ชิโนแวคตามด้วยแอสตร้า แท้ที่จริงแล้วเนื้อหาเบื้องลึกเบื้องหลังการไขว้ ไปมาดังกล่าวมีที่มาที่ไปในช่วงตั้งแต่สามถึงสี่เดือนที่แล้วด้วยซ้ำ ทั้งนี้เป็นการถกกันในระดับเวทีองค์การอนามัยโลกและในระดับสาธารณสุขของประเทศต่างๆและไม่เว้นกระทั่งในประเทศจีนเอง ที่เป็นเจ้าของตำรับวัคซีนเชื้อตายชิโนแวค ชิโนโนฟาร์ม ตั้งแต่ 13 เมษายน 2564 ความจำเป็นในการไขว้เริ่มมาตั้งแต่
1.เป็นภาคบังคับเนื่องจากวัคซีนแต่ละยี่ห้อออกมาไม่ทันใช้ ดังนั้นจึงต้องหายี่ห้ออื่นมาควบรวม
2.ความต้องการที่จะให้ภูมิคุ้มกันในน้ำเหลืองสูงที่สุดและอยู่ให้คงนานที่สุด เพื่อให้มีการป้องกันการติดเชื้อได้นานและดียิ่งขึ้น นำมาสู่การใช้เข็มที่หนึ่งเป็นแอสตร้า ตามด้วยไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา
3.แต่เมื่อเจอกับสายพันธุ์ เช่น เดลต้าแม้มีภูมิในระดับสูงจริง แต่ประสิทธิภาพเฉพาะตัวต่อเดลต้า กลับลดลงค่อนข้างมาก
4.นำมาสู่ การกระตุ้น เข็ม 3 โดยหวังว่าระดับภูมิที่สูงมากๆยังพอที่จะช่วยกันการติดได้เพิ่มขึ้น แม้ต่างสายพันธุ์ออกไป แต่ทั้งนี้ต้องจับตาดูว่าการที่มีระดับภูมิจริง แต่ไม่เหมาะเหม็งกับสายพันธุ์ใหม่ กลับจะทำให้เมื่อติดเชื้ออาการกลับรุนแรงขึ้นหรือไม่ (Vaccine enhanced COVID-19 severity) และนำไปสู่การพัฒนาวัคซีนรุ่นที่สองที่มีความจำเพาะเจาะจงกับสายพันธุ์ที่เปลี่ยนไปเช่นวัคซีนไฟเซอร์ที่จะเริ่มในเดือนสิงหาคม และวัคซีนของคนไทยคือวัคซีนใบยาที่จะปรับเปลี่ยนไปตามกัน
5.ประเทศไทยใช้วัคซีนต่างจากในประเทศตะวันตก คือใช้วัคซีนเชื้อตายอย่างเช่นในบราซิล อินโดนีเซีย และชิลี ในประเทศไทยพบว่าเดือนแรกหลังเข็มที่สองของชิโนแวค ดูจะกันการติดเชื้อได้ดีแต่ในเดือนที่สองสังเกตการติดเชื้อดูมากขึ้น และดูมีอาการเห็นได้ชัดเจนขึ้น พ้องกับระดับภูมิที่ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว และจาก 90 กว่าเปอร์เซนต์ด้วยซ้ำเหลือเพียง 30 ถึง 40%
6.ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวพบได้ในชิลี ซึ่งมีการติดตามประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อและป้องกันการเข้าโรงพยาบาลและการตายได้ดีมากจากชิโนแว็ค จนกระทั่งถึงวันที่ 1 พฤษภาคม แต่หลังจากนั้นกลับรุนแรงขึ้นมาใหม่ และเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย
7.ความรุนแรงของการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งอาการที่มากขึ้น น่าจะไม่สามารถอธิบายได้จากการลดระดับของภูมิในเลือดอย่างเดียว ทั้งนี้อาจจะร่วมกับสายพันธุ์เช่นเดลต้า ทั้งนี้เพราะในประเทศไทยการคัดเลือกคนที่ได้รับชิโนแวคสองเข็ม และระดับภูมิยังคงสูงกว่า 70% เช่นที่ 87 จนถึง 92% แต่เมื่อแยกวิเคราะห์ความสามารถต่อสู้กับไวรัสพบว่าลดลงอย่างมากทั้งสายอัลฟาและเดลต้า
8.คนไทยที่ได้ชิโนแวค 2 เข็ม สู้กับไวรัสอัลฟา และเดลต้า ได้น้อยกว่า แอสตร้า 2 เข็ม ที่ระดับภูมิมากกว่า 90%เหมือนกัน
9.ที่ได้ชิโนแวค และต่อด้วย แอสตร้า ภูมิที่ระดับ สูงกว่า70% ดีกว่าชิโนแวคสองเข็ม ในการสู้กับแอลฟา เดลต้า แต่ยังมีประสิทธิภาพจำกัด ไม่เหมือนกับชิโนแวคสองเข็มและต่อด้วยแอสตร้าภูมิจะดีขึ้นมากและต่อสู้ได้ดีมากต่ออัลฟ่าและเดลต้า
10.ในเรื่องของวัคซีนจบลงที่ว่าการดูระดับภูมิกลายเป็นสูงเกิน 90% ยิ่งดี แต่ต้องพ่วงด้วยความสามารถเฉพาะเจาะจงต่อชนิดของไวรัสด้วย ดังนั้นจะขึ้นกับชนิดของวัคซีนด้วย
ขอบคุณเพจ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha