เปิดมาตรการเยียวยาล่าสุด เเจกเงิน ม.33 ฟรีแลนซ์ เเรงงาน ม.39-40ได้ด้วย5พัน
เช็คเลยมาตรการเยียวนาล่าสุด แรงงานและผู้ประกอบการเพิ่มเติม ครอบคลุมทุกสิทธิ ม.33 ม.39 ม.40 ขยายกิจการเป็น 9 สาขา ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด เป็นเวลา 1 เดือน
13ก.ค.64 ครม.มีมติเห็นชอบ มีมติเห็นชอบมาตรการเยียวยาช่วยเหลือเร่งด่วน กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการรัฐ เพิ่มเติมจากมติ ครม. เดิม เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.64 โดยให้ความช่วยเหลือระยะเวลา1เดือน ในรอบใหม่เพิ่มเติมใน 5 สาขาอาชีพ ที่รับผลกระทบจาก ประกาศ เคอร์ฟิว และ ล็อกดาวน์
เฉพาะในพื้นที่ 10 จังหวัดสีแดงเข้ม หรือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลาและสงขลา
ครอบคลุมประเภทกิจการรวม 9 สาขา (จากเดิม 4 กิจการ ที่ได้เยียวยาไปไปแล้ว) ได้แก่
(1) ก่อสร้าง
(2) ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร
(3) ศิลปะ บันเทิงและนันทนาการ
(4) กิจกรรมบริการด้านอื่นๆ ตามที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด
เพิ่ม 5 หมวดกิจกรรม ระยะเวลาการช่วยเหลือ 1 เดือน ได้แก่
(5) ขายส่งและการขายปลีก ซ่อมยานยนต์
(6) ขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า
(7) กิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน
(8)กิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ
(9) ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร
สำหรับรูปแบบการให้ความช่วยเหลือมีดังนี้..
1.แรงงานในระบบ ประกันสังคม
ผู้ประกันตน ม. 33
-นายจ้างและผู้ประกอบการ รัฐบาลยังคงจ่ายให้นายจ้างตามจำนวนลูกจ้าง 3,000 บาท/หัว/สถานประกอบการ สูงสุดไม่เกิน 200 คน
-ลูกจ้าง จ่ายเพิ่มเป็น 2,500 บาท/คน 1เดือน จากที่ลูกจ้างจะได้รับตามมาตรการช่วยเหลือเดิมเพียง 2,000 บาท/คน ซึ่งเมื่อรวมกับจ่ายชดเชยเยียวยาร้อยละ 50 ของรายได้ให้ลูกจ้าง สูงสุดไม่เกิน7,500 บาท ระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน ทำให้ผู้ประกันตน ม.33 สัญชาติไทย จะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐไม่เกิน 10,000 บาท/คน
ที่ประกอบอาชีพอยู่ในปัจจุบัน จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน 1เดือน สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่อยู่นอกระบบมาตรา 33 ขอให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม (มาตรา 40) ภายในเดือน ก.ค. 64 เพื่อจะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน
2.นอกระบบประกันสังคม
กลุ่มผู้ประกอบการ/นายจ้าง กรณีมีลูกจ้าง ให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม (ม.33) ภายในเดือน ก.ค. 64 เพื่อที่นายจ้างจะได้รับเงินช่วยเหลือตามจำนวนลูกจ้าง 3,000 บาท/หัว/สถานประกอบการ สูงสุดไม่เกิน 200 คน ซึ่งลูกจ้างสัญชาติไทยจะได้รับเงินช่วยเหลือ 2,500 บาท/คน กรณีที่ไม่มีลูกจ้าง ให้ลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ภายในเดือนก.ค.นี้ จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน
สำหรับผู้ประกอบการในระบบ ถุงเงิน โครงการ คนละครึ่ง และโครงการ เราชนะ ขยายให้ความช่วยเหลือจากเดิมเฉพาะหมวดร้านอาหารและเครื่องดื่ม เป็น 5 กลุ่ม ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้าน OTOP ร้านค้าทั่วไป ร้านค้าบริการและกิจการขนส่งสาธารณะ (ไม่รวมกิจการขนาดใหญ่)
กรณีที่มีลูกจ้าง ขอให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคมภายในเดือน ก.ค. 64 เพื่อนายจ้างจะได้รับเงินช่วยเหลือตามจำนวนลูกจ้าง 3,000 บาท/คน/สถานประกอบการ สูงสุดไม่เกิน 200 คนและลูกจ้างสัญชาติไทยจะได้รับเงินช่วยเหลือ 2,500 บาท/คน กรณีที่ไม่มีลูกจ้าง ให้ลงทะเบียนเป็นผู้ประกันสังคม (ม.40) ภายในเดือน ก.ค. 64 เพื่อจะได้รับเงินในอัตรา 5,000 บาทต่อคน
ขอบคุณ
กรุงเทพธุรกิจ
nationphoto