รมว.สาธารณสุขอังกฤษ ป่วยโควิด แม้ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส เล่าอาการหลังทราบผล
นายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษทวีตเล่าอาการหลังทราบผลติดเชื้อโควิด แม้ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ปลดล็อกเปิดประเทศ โดยใช้กฎเกณฑ์ทดสอบ 4 ข้อเป็นตัวชี้วัด
อย่างที่ทราบกันดีว่า โรคโควิด 19 ได้ระบาดไปทั่วโลก ซึ่งได้สร้างความปั่นป่วนให้กับผู้คนทั่วหัวระแหง แต่ตลอดกว่า 2 ปีที่ผ่านชาติในแถบยุโรป สหราชอาณาจักร แอฟริกา หรือ ทั่วทั้งโลกก็ได้พยายามอย่างหนักที่จะผลิตตัวยั้บยั้งเชื้อร้ายตัวนี้ จนในที่สุดก็สามารถผลิตวัคซีนที่สามารถบรรเทาอาการป่วยโควิดได้แล้ว
และเจ้าวัคซีนที่ดีต่างๆ ก็ได้กระจายไปช่วยเหลือคนรอบโลกกันเลยก็ว่าได้ จนทำให้ในหลายๆ ประเทศที่ทรุดหนักก่อนหน้านี้ เริ่มมียอดผู้ป่วยที่ลดน้อยลง มียอดหายป่วยเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยอดเสียชีวิตเองก็ลดลงเช่นกัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางสหราชอาณาจักรเองก็เป็นอีกอาณาจักรหนึ่งที่พลเมืองในพื้นที่สามารถหาที่ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ได้อย่างทั่วถึง แต่ก็ใช่ว่าการได้รับวัคซีนจะไม่ได้เกิดอาการป่วย เพียงแต่อาการป่วยนั้นจะทุเลาลง เช่นเดียวกับรัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษรายนี้
โดยสื่อต่างประเทศรายงานว่า นายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ว่า เขามีผลตรวจหาเชื้อโควิด เป็นบวก
ขณะเดียวกัน นายจาวิด ยังโพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ระบุว่า "ตอนนี้ผมมีอาการเพียงเล็กน้อย เนื่องจากได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้วทั้ง 2 โดส และผมกำลังกักตัวที่บ้านพักอาศัยกับครอบครัว"
ด้าน กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ ได้เปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 54,674 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในประเทศอยู่ที่ 5,386,340 ราย
สหราชอาณาจักรอยู่ลำดับที่ 7
ในขณะที่ ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 41 ราย สู่ระดับ 128,683 ราย แต่นั่นดูเหมือนว่า จะไม่มีผลกระทบกับแผนการเปิดประเทศอังกฤษ ซึ่งการปลดล็อคครั้งนี้ เลื่อนจากกำหนดเดิม 21 มิ.ย. 64 เป็น 19 ก.ค. 64 และระดมฉีดวัคซีนแก่ประชาชนผู้ใหญ่ให้ได้มากที่สุด เพื่อต่อสู้กับ โควิดกลายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ที่ติดต่อได้ง่ายขึ้น และกลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหราชอาณาจักร
อีกทั้ง นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยังได้แถลงก่อนหน้านี้ ว่า การระบาดใหญ่จะยังไม่จบลงง่ายๆ และจะไม่สิ้นสุดลงในวันที่ 19 ก.ค.นี้เป็นแน่ ขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลก็เพิ่มขึ้น หากอังกฤษไม่กลับมาเปิดประเทศในอีก 2–3 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งตรงกับ ช่วงฤดูร้อน และ ปิดเทอมใหญ่ ก็ต้องกลับมาถามตัวเองว่า แล้วจะเปิดเมื่อไหร่
แต่อย่างไรก็ตาม การปลดล็อคระยะที่ 4 ในวันจันทร์ที่ 19 ก.ค.นั้น ต้องมีเงื่อนไขว่าต้องสอบผ่าน “เกณฑ์ทดสอบ 4 ข้อ” ในการควบคุมโรคระบาด คือ
1. การให้วัคซีนแก่ประชาชน
2.ประสิทธิภาพของวัคซีน
3.อัตราผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
4.เชื้อกลายพันธุ์ชนิดใหม่