"วัฒนา เมืองสุข"ฉะรัฐบาลเดือด ผู้นำโง่ น่ากลัวกว่าที่คิด
นาย"วัฒนา เมืองสุข" ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุเนื้อหาถึง การจัดการของรัฐบาล และ หลักการสำคัญในระบอบประชาธิปไตยคือเสรีภาพในการชุมนุม และเสรีภาพในการส่งเสียงหรือแสดงออก
นาย"วัฒนา เมืองสุข" ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
หลักการสำคัญในระบอบประชาธิปไตยคือเสรีภาพในการชุมนุม (freedom of assembly) และเสรีภาพในการส่งเสียงหรือแสดงออก (freedom of speech) อันเป็นกระบวนการของเจ้าของอำนาจที่จะรวมตัวกันอย่างสงบเพื่อส่งเสียงแสดงความรู้สึกหรือความต้องการของพวกตนไปยังรัฐบาลที่บริหารประเทศอยู่
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 นายกรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อสะสม 934 ราย เป็นผู้ป่วยใหม่ 107 ราย เสียชีวิต 4 ราย ต่อมาวันที่ 30 กันยายน 2563 มีผู้ติดเชื้อสะสม 3,564 ราย ติดเชื้อในประเทศเพิ่ม 0 ราย เสียชีวิต 59 ราย แสดงว่ารัฐบาลเคยควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศได้แล้ว ดังนั้น การเกิดแพร่ระบาดรอบใหม่จนล้นระบบสาธารณสุขก็ต้องถือเป็นความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีที่รวบอำนาจไว้แต่เพียงผู้เดียว
การที่ประชาชนออกมารวมตัวกันในรูปแบบของคาร์ม็อบเพื่อ “บีบแตรไล่ผู้นำโง่” คือการแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อการบริหารของนายกรัฐมนตรี เพราะเห็นว่านายกขาดไร้ความสามารถและสติปัญญาในการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งหากพิจารณาจากสถิติของผู้ป่วยจะบอกได้ว่าประชาชนมีเหตุอันสมควรที่จะออกมาไล่นายกรัฐมนตรีหรือไม่
ส่วนที่ตำรวจแถลงจะดำเนินคดีกับม็อบเพราะรวมตัวทำกิจกรรมเกิน 5 คน และการขับรถบีบแตรที่อาจจะก่อความเดือดร้อนให้กับประชาชน นั้น การแสดงออกดังกล่าวหากจะผิดกฎหมายก็เป็นการทำผิดเพราะความจำเป็นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67 (2) ที่บัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำผิดด้วยความจำเป็นเพราะเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้ ถ้าการกระทำนั้นไม่เป็นการเกินสมควรแก่เหตุผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ”
เมื่อประชาชนเห็นว่าหากปล่อยให้นายกบริหารประเทศต่อไปความตายหรือความหายนะจะมาถึงตัว การที่ประชาชนออกมาไล่จึงเป็นการกระทำที่สมควรแก่เหตุแล้ว ส่วนเสียงแตรที่ห่วงว่าจะสร้างความเดือดร้อนรำคาญนั้น ประชาชนที่ออกมาคงคิดแล้วว่าการมีผู้นำโง่สร้างความเดือดร้อนและอันตรายกว่าเสียงแตรและโควิด
วัฒนา เมืองสุข
พรรคไทยสร้างไทย
2 สิงหาคม 2564