กระทรวงแรงงาน ชี้นายจ้างไม่มีสิทธิ์บังคับพนักงาน ตรวจโควิด หรือ ฉีดวัคซีน
รองอธิบดีและโฆษกกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กรณี นายจ้างมีประกาศหรือคำสั่งให้ลูกจ้างทุกคนเข้ารับการตรวจจากแพทย์หรือเข้ารับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (การฉีดวัคซีน)
นางโสภา เกียรตินิรชา รองอธิบดีและโฆษกกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวถึงกรณี นายจ้างมีประกาศหรือคำสั่งให้ลูกจ้างทุกคนเข้ารับการตรวจจากแพทย์หรือเข้ารับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (การฉีดวัคซีน) เพื่อป้องกันโรคในกรณีที่ลูกจ้างมีความเสี่ยงหรือต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แม้มีเจตนาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ตาม แต่ไม่ปรากฏว่ามีกฎหมายให้อำนาจนายจ้างดำเนินการดังกล่าวได้
อีกทั้ง พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มอบอำนาจให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่จะสั่งให้ลูกจ้างที่มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เช่น เป็นผู้สัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นต้น เข้ารับการตรวจจากแพทย์ หรือเข้ารับการสร้างภูมิคุ้มกันโรค ตามวัน เวลา และสถานที่ที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อกำหนดไว้
ดังนั้น นายจ้างจึงไม่สามารถกระทำได้ หากนายจ้างไม่ให้ลูกจ้างที่ไม่ผ่านการตรวจหรือไม่ได้เข้ารับการสร้างภูมิคุ้มกันโรคเข้าทำงาน นายจ้างยังต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างและหากนายจ้างไม่ให้ลูกจ้างเข้าทำงานและไม่จ่ายค่าจ้างให้หรือมีพฤติการณ์ใดๆ ที่แสดงว่าเป็นการเลิกจ้างลูกจ้าง นายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายให้แก่ลูกจ้างด้วย
อย่างไรก็ตาม หากข้อเท็จจริงปรากฏว่า ลูกจ้างมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นายจ้างอาจมีคำสั่งให้ลูกจ้างเข้ารับการตรวจจากแพทย์ หรือคำสั่งให้ลูกจ้างเข้ารับการสร้างภูมิคุ้มกันโรคเพื่อป้องกันโรคเป็นการเฉพาะรายได้ ถือว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งที่มีลักษณะกำหนดขึ้นเพื่อคัดกรองป้องกัน เฝ้าระวัง รักษา ควบคุมมิให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
อีกทั้งยังเป็นการป้องกันสุขภาพของบุคคลอื่น จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหากลูกจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่มีเหตุอันสมควรถือว่าลูกจ้างฝ่าฝืนคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายตามนัยมาตรา 119 (4) แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และมาตรา 583 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews