ศุลกากร ตรวจพบ ผู้กำกับโจ้ นำส่งรถหรู เป็นเจ้าของสำนวน 368 คัน
ศุลกากร ตรวจพบ พ.ต.อ. เอกธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ นำส่งรถหรู เป็นเจ้าของสำนวน 368 คัน ทำรวยอู้ฟู่ ได้ทั้งเงิน ทั้งผลงาน
ยังเป็นประเด็นสุดร้อนแรงที่ประชาชนให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง ภายหลังที่ศาลอนุมัติหมายจับ ผู้กำกับโจ้ พ.ต.อ. เอกธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ที่ก่อเหตุสุดฉาวในวงการสีกาสี ซึ่งตอนนี้ยังไม่พบวี่แววของ ผู้กำกับโจ้ มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกไปตรวจค้นบ้านผู้กำกับโจ้ ซึ่งพบว่าภายในเหมือนเป็นคลังรถหรู เนื่องจากมีรถสปอร์ตจำนวนมาก
จากการตรวจสอบพบว่า รถผู้กำกับโจ้ มีทั้งรถหรูและซูเปอร์คาร์ถึง 29 คัน ประกอบไปด้วย แลมโบกีนี 1 คัน เฟอร์รารี 1 คัน เบนท์ลีย์ 1 คัน ปอร์เช่ 4 คัน มินิคูเปอร์ 3 คัน อาวดี้ 3 คัน เมอร์ซิเดส 6 คัน โฟล์คสวาเกน 1 คัน โตโยต้า 6 คัน ฟอร์ด 2 คัน ฮอนด้า 1 คัน
ล่าสุดมีรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า กรมศุลกากร ตรวจสอบพบว่า ผู้กำกับโจ้ นำส่งรถหรู เจ้าของสำนวน 368 คัน ซึ่ง ผู้กำกับโจ้ เจ้าของสำนวนคดีนำส่งรถ พ.ศ. 2554 - 2560 กว่า 6 ปี นำจับ 368 คัน ขายทอดตลาดไปแล้ว 363 คัน ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่า ยังขายไม่ออก อีก 5 คัน
โดย ผกก.โจ้ จบเตรียมทหารรุ่นที่ 41 และ นรต. รุ่น 57 บรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ ยศ "ร.ต.ต." รับตำแหน่งรองสารวัตร เมื่อ 1 ก.พ. 2547 เติบโตในหน้าที่การงานอย่างรวดเร็ว สมัยอยู่ใน บช.ปส. ทั้งนี้ สมัยเป็น รอง ผกก.กก.1 บก.ปส.4 ดูแลพื้นที่ภาคใต้ สร้างชื่อให้ตัวเองด้วยการทำคดี ขณะเดียวกันก็นำส่งรถหรู เจ้าของสำนวน 368 คัน
นอกจากนี้ตามรายงานระบุอีกว่า มีขบวนการค้ารถหรูที่ฝั่งมาเลเซียที่ราคาถูกกว่าไทย เช่น บีเอ็มดับเบิ้ลยู ประมาณ 4 แสนบาท เมื่อซื้อแล้วจะลักลอบเอาเข้าไทย จากนั้นจะให้ถูกจับรถ โดยไม่มีคนเกี่ยวข้องนำเข้าผิดกฎหมาย ทำให้รถถูกส่งให้ศุลกากร เมื่อคดีเสร็จนำออกขายทอดตลาดด้วยวิธีประมูล
ตามข้อมูลอธิบายอีกว่า หากราคา บีเอ็มดับเบิ้ลยู ประมูลไป 2 ล้าน ก็จะแบ่งเป็น 1.รางวัลนำจับ และ 2.ค่าสายข่าว ทั้งสองส่วนนี้คิดเป็น 45% ของราคา 2 ล้านบาท หรือ 9 แสนบาท เท่ากับว่า บีเอ็มดับเบิ้ลยู หักทุน 4 แสนบาทแล้ว จะได้กำไร 5 แสนบาท พร้อมกับได้ผลงานไปด้วย ซึ่งไม่แน่ใจว่า ผกก.ฉาว เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ด้านประวัติส่วนตัวผู้กำกับโจ้ นั้นพบว่า ก่อนหน้านี้เป็นเพียงคนธรรมดา ด้านพ่อแม่ไม่ได้ฐานะร่ำรวยอะไร แต่อาศัยจังหวะเวลา ยศตำแหน่ง ขณะที่อยู่ในหน้าที่การงาน สร้างผลงาน สร้างโปรไฟล์ และหาเงินให้ตัวเอง จนกระทั่งเข้าขั้นระดับเศรษฐี ทั้งที่นายตำรวจท่านนี้กินเงินเดือนแค่ 40,000 กว่าบาทเท่านั้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews