เพื่อนสมัยเรียน “ผกก.โจ้” แฉนิสัยที่แท้จริง เผยที่เปลี่ยน เพราะวงการสีกากี
เพื่อนสมัยเรียน พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ “ผู้กำกับโจ้” แฉนิสัย ตัวตนที่แท้จริง เผยนิสัยเปลี่ยน เพราะวงการสีกากี
จากกรณีข่าวดังร้อนไปทั่วโลกออนไลน์สำหรับกรณีข่าวของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ. เมืองนครสวรรค์ หรือ ผู้กำกับโจ้ ที่มีคลิปหลุดออกว่อนโลกโซเชียล ในลักษณะที่คล้ายว่ากลุ่มตำรวจหลายนาย ช่วยกันทำร้ายผู้ต้องหาคดียาเสพติด โดยการใช้ถุงคลุมหัวหลายชั้น จนทำให้ผู้ต้องหาขาดอากาศหายใจกระทั่งเสียชีวิตในที่สุด แต่ผลชันสูตรกลับออกมาว่าผู้ต้องหารายดังกล่าวเสพยาเกินขนาดจนเสียชีวิต
ต่อมา “อดีตผู้กำกับโจ้” ถูกจับกุม ซึ่งหลังจาก อดีตผู้กำกับโจ้ มาถึงกองบังคับการปราบปรามแล้ว ก็มี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.ภ.7, พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบช.ภ.6 และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องร่วมสอบปากคำ ซึ่งขณะนั้นสภาพอดีตผู้กำกับโจ้ หลังเข้าขอมอบตัวก็มี สีหน้าแววตา เศร้าหมอง หมดราศี อีกทั้งอยู่ในสภาพอิดโรย เเละผอมลงไปมาก
ล่าสุด เพื่อนสมัยเรียนมัธยมของ “ผู้กำกับโจ้” เปิดเผยว่าในช่วงที่เรียนสมัยมัธยมศึกษาตอนต้น ตนกับโจ้เป็นเพื่อนกัน จากนั้นจึงสนิทกันในชั้น ม.2 มักจะไปขี่รถเที่ยวเล่นกัน เพราะเขาชอบความเร็ว ตอนนั้นเท่าที่อยู่ด้วยกัน โจ้ก็ไม่มีวี่แววว่าจะไปเป็นตำรวจหรือไม่ กระทั่งต่างคนต่างแยกย้ายไปเรียนตามที่ตัวเองชอบ และขาดการติดต่อกันไปประมาณ 20 ปี ตนจึงมาทราบว่าโจ้ไปเป็นตำรวจ แต่ตนก็ไม่ได้ติดตามว่าเขาไปสังกัดหน่วยไหน
ยอมรับว่าตกใจมากที่เห็นคลิป เพราะเราเคยเป็นเพื่อนกัน เพื่อนๆ ในรุ่นก็ถามว่าตอนนี้โจ้หน้าตาเป็นไง เรียนรุ่นเดียวกันเหรอ เราก็พูดคุยกันว่าโจ้คนไหน เมื่อทุกคนได้ฟังการแถลงข่าว แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนตกใจ และไม่มีใครอยากจะเชื่อ เพราะสมัยเรียนฐานะทางบ้านเขาก็ปานกลาง ไม่ได้ร่ำรวย และอย่างที่ผมบอกกว่า 20 ปี ไม่รู้เขาไปผ่านอะไรมา หรือองค์กรสังคมไปเปลี่ยนแปลงเขาหรือไม่ เพราะเราไม่ได้ติดต่อกันทุกปี
สำหรับตนคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการพลั้งมือ หากดูจากคลิปโจ้พยายามจะเค้นเอาข้อมูลบางอย่าง จนทำให้ผู้ต้องหาต้องเสียชีวิตในที่สุด แต่ในฐานะเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็ก ภาพจำที่ตนจดจำกันได้ก็มีแต่เรื่องดี ๆ ในสมัยเด็ก แต่ตอนที่เขาไปเป็นผู้กำกับแล้ว ตนก็ไม่รู้ว่านิสัยใจคอของเขาเป็นอย่างไร เพราะอย่างที่ตนบอกเราไม่ได้ติดต่อกันนานมาก ๆ ตนจึงอย่าบอกว่าอย่าเหมารวมคนที่เคยใกล้ชิดโจ้ว่า ทุกคนจะมีพฤติกรรมเหมือนกัน รวมทั้งจำเป็นต้องพิจารณาจากองค์กรที่โจ้สังกัดด้วยว่าภาพลักษณ์เป็นอย่างไร
ทั้งนี้ อะไรที่เกิดขึ้นไปแล้ว มันเรียกกลับคืนไม่ได้ ตนในฐานะเพื่อนสมัยเด็กก็ยอมรับว่าตกใจ และรู้สึกว่าหลังจากนี้เขาจะใช้ชีวิตอย่างไร จุดจบของคดีจะออกมาเป็นแบบไหน สำหรับตนไม่รู้ว่าความผิดชั่วดีใครจะคิดอย่างไร แต่หากรู้ตัวว่าได้กระทำผิดไปแล้ว และมีสำนึกจริง ๆ ตนเชื่อว่าให้อภัยได้ แต่สังคมจะให้อภัยหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เพราะตนไม่สามารถไปคิดแทนสังคมได้ และเขาจะต้องรับผลที่กระทำไว้นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews