หมอแนะ ฉีดวัคซีนเข็มสามกระตุ้นให้ผู้สูงอายุด่วน
หมอแนะ ฉีดวัคซีนเข็มสามกระตุ้นให้ผู้สูงอายุด่วน หลังเห็นภูมิคุ้มกันลดลงเร็ว มีสิทธิ์นอนรพ.แม้ฉีดเข็มสองไปแค่ 6 เดือน
ข้อมูลจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 ได้ระบุถึงการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนสะสม ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. - 27 ส.ค. 2564 ใน 77 จังหวัด ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดระบุว่า สามรถฉีดวัคซีนสะสมแล้วถึง 30,420,507 โดส ยอดฉีดทั่วประเทศ 915,738 โดส โดยแบ่งเป็น
1. เข็มที่ที่ 1 : 547,128 ราย
2. เข็มที่ 2 : 361,284 ราย
3. เข็มที่ 3 : 7,326 ราย
ทั้งนี้มีจำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 22,617,701 ราย ซึ่งเป็นจำนวนผู้ได้รับวัคซีนทั้งหมด ทั้งนี้ยังมีจำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 7,221,368 ราย เป็นจำนวนผู้ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ และจำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 581,438 ราย
เกี่ยวกับเรื่องนี้หากดูตัวเลขจะเห็นได้ว่าการฉีดวัคซีนให้กับประชาชาชนยังน้อยอยู่มาก ซึ่งทาง นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการกรสาธารถสุข วุฒิสภา โพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวัคซีนเข็มสามให้เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันหมู่ในผู้สูงอายุให้เร็วที่สุด เนื่องจาก พบว่าภูมิคุ้มกันในผู้สูงอายุลดลงมากกว่าบุคลากรทางการแพทย์ หลังฉีดวัคซีนโควิดไปได้แค่ 6 เดือน
โดย นพ.เฉลิมชัย ระบุว่า "ความรู้เรื่อง COVID-19 (ตอนที่837) 27 สิงหาคม 2564 ภูมิคุ้มกันในผู้สูงอายุที่ฉีดวัคซีน Pfizer สองเข็ม ลดลงมากกว่าบุคลากรทางการแพทย์ วัคซีนเทคโนโลยี mRNA ของบริษัท Pfizer มีรายงานเรื่องระดับภูมิคุ้มกันและประสิทธิผลในการป้องกันโรคสูงมาโดยตลอด แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อเวลาผ่านไป ก็เริ่มมีรายงานการศึกษาว่า ระดับภูมิคุ้มกันและประสิทธิผลในการป้องกันโรคลดลงเป็นลำดับ
ยิ่งเมื่อมีไวรัสสายพันธุ์เดลต้าระบาดกว้างขวางทั่วโลก และกระทบกับประสิทธิผลของวัคซีนทุกชนิด จึงทำให้เกิดคำถามสำหรับประชาชนทั่วไป ที่ฉีดวัคซีนแล้วสองเข็มตามกำหนด ว่าจำเป็นจะต้องฉีดกระตุ้นเข็มสามหรือไม่ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่วัคซีนยังขาดแคลนทั่วโลก มีวัคซีนไม่พอที่จะฉีดให้กับทุกคน แล้วกลุ่มใดบ้างที่จะเป็นกลุ่มเสี่ยงแม้ฉีดวัคซีนสองเข็มแล้ว จนจำเป็นจะต้องฉีดวัคซีนเข็มสาม
ข้อมูลที่มีในเบื้องต้นได้ระบุกลุ่มเสี่ยงของผู้ที่ฉีดวัคซีนสองเข็มแล้วว่า อาจจะป้องกันโควิดได้ไม่ดีนัก ประกอบด้วย
1. กลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ที่ผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะและได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ที่เป็นมะเร็งได้รับการฉายแสงหรือได้รับเคมีบำบัด ผู้ที่เป็นโรคติดเชื้อต่อระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น
2. กลุ่มผู้สูงอายุ
3. กลุ่มที่มีโรคประจำตัว
4. กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด
รายงานการศึกษาวันนี้ เป็นการติดตามผลการฉีดวัคซีน Pfizer สองเข็มไปนาน 6 เดือน ในสองกลุ่มตัวอย่างคือ กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ พบว่าระดับภูมิคุ้มกันในผู้สูงอายุลดลงเหลือน้อยกว่าในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่อายุน้อยกว่า ไม่ว่าจะเป็น Anti SARS-CoV-2 S1 หรือ RBD-IgG และในกลุ่มภูมิคุ้มกันที่ทำลายไวรัสโดยตรง (NAb)ก็ลดลงชัดเจน เมื่อเทียบกับกลุ่มบุคลากร
นอกจากนั้น ระดับการทำงานของทีเซลล์ (T-cell) ซึ่งร่วมกับภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับไวรัส ก็มีผลการทำงานลดลง แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญกับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ทำให้พบผู้สูงอายุที่ฉีดวัคซีนสองเข็มแล้วเป็นเวลาตั้งแต่หกเดือนขึ้นไป เริ่มมีอัตราการติดเชื้อ การป่วยจนต้องนอนโรงพยาบาล มากกว่าคนที่อายุน้อยกว่าและได้รับวัคซีนสองเข็มเท่ากัน
แต่ถ้าในกรณีที่ผู้สูงอายุ ไม่ได้ออกไปนอกบ้าน ไปสัมผัสผู้ที่มีความเสี่ยงจะติดเชื้อ ความเสี่ยงของบุคลากรทางการแพทย์แม้มีระดับภูมิคุ้มกันสูงกว่า แต่สัมผัสเสี่ยงกับผู้ป่วยมากกว่า ก็อาจจะเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้สูงอายุเป็นสองกลุ่มที่มีความเสี่ยงและอยู่ในลำดับที่จะได้ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มสามใกล้เคียงกัน"
อย่างไรก็ตาม จากที่ทีมข่าวไทยนิวส์ได้สังเกตความคิดเห็นของประชาชนในโลกออนไลน์พบว่ายังมีอีกหลายคนยังไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังคงขาดแคลนวัคซีนอย่างมากขณะนี้