สธ.ชัยภูมิจ่อแจ้งความเอาผิด ร.ต.ท. ไม่ยอมรักษาเอาโควิดไปแพร่ที่บ้าน
สธ.ชัยภูมิจ่อแจ้งความเอาผิด ร.ต.ท. ไม่ยอมรักษาเอาโควิดไปแพร่ที่บ้าน โดยร.ต.ท.คนดังกล่าว ตามความผิด พ.ร.ก.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 34 ที่ไม่ยอมแยกตัวเข้ารับการรักษา หากเป็นข้าราชการต้องมีความผิดเป็น 2 เท่า
จากกรณีเหตุนายตำรวจยศร้อยตำรวจโท ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่เขตพื้นที่สีแดงเข้ม จ.ปทุมธานี แอบเดินทางกลับบ้านใน อ.เมือง จ.ชัยภูมิ โดยไม่รายงานตัวกับผู้นำชุมชน และมาทราบทีหลังว่าติดเชื้อโควิด-19 แต่ไม่กักตัวและไม่ยอมรับการรักษา ล่าสุด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ มอบหมายให้นิติกรสำนักงานร่วมกับสาธารณสุขอำเภอเมืองชัยภูมิ เตรียมเข้าแจ้งความเอาความผิดกับ ร.ต.ท.คนดังกล่าว
โดยเหตุการณ์เริ่มจาก เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ศูนย์โรคติดต่อจังหวัดชัยภูมิ ได้รับแจ้งรายงานด่วนว่ามีนายตำรวจยศร้อยตำรวจโท ปฏิบัติหน้าที่ในเขตพื้นที่ จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงสีแดงเข้ม พบไทม์ไลน์ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่ รพ.ตำรวจ ผลตรวจพบติดเชื้อ เมื่อวันที่ 25 ส.ค. เมื่อทราบผลได้ขับรถส่วนตัวกลับเข้ามาบ้านพัก โดยไม่ยอมเข้ารับการรักษาตัวที่ จ.ปทุมธานี และไม่ยอมรายงานตัวกับผู้นำชุมชน ทั้งไม่บอกให้ญาติทราบว่าตัวเองติดโควิด-19 กลับออกมาใช้ชีวิตตามปกติในชุมชน
กระทั่งวันที่ 26 ส.ค. ลูกชายของ ร.ต.ท.นายดังกล่าว อยู่ที่กรุงเทพฯ ได้โทรมาแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้ทราบว่าพ่อตนเองติดเชื้อโควิด แต่ไม่ยอมเข้ารับรักษา ซึ่งทางครอบครัวที่อยู่ในบ้านหลังดังกล่าวมีทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วย พ่อตา แม่ยาย ญาติ ภรรยา และ ร.ต.ท.รายนี้ ทางเจ้าหน้าที่พยายามจัดชุดเข้าพูดคุยเกลี้ยกล่อมให้พาญาติทุกคนไปตรวจและเข้ารักษา แต่ไม่เป็นผล
ซึ่งตอนนี้มีรายงานว่าร.ต.ท.รายนี้แพร่เชื้อไปยังภรรยา แม่ยาย พ่อตา ซึ่งขณะนี้ได้ส่งตัวทั้ง 4 รายเข้ารับการรักษาแล้ว
นพ.วชิระ กล่าวต่อว่า เคสดังกล่าวถือเป็นอุทาหรณ์ ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดแล้วไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะนี้ได้ให้นิติกรประจำสำนักงาน ร่วมกับสาธารณสุขอำเภอเมืองชัยภูมิ เตรียมเข้าแจ้งความเอาความผิดกับ ร.ต.ท.คนดังกล่าว ตามความผิด พ.ร.ก.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 34 ที่ไม่ยอมแยกตัวเข้ารับการรักษา หากเป็นข้าราชการต้องมีความผิดเป็น 2 เท่า ทั้งวินัยและอาญา แม้จะมีหนังสือส่งตัวมาก็ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล หากไม่เข้ารับการรักษาจะเป็นการนำเชื้อมาติดให้กับคนอื่น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews