หนุ่มขนลุก เห็นเด็กนั่งคนเดียวที่ป้ายอาสาไปส่งกลางดึก ก่อนกลับมาดูกล้อง
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวสุดขนลุก หนุ่มเห็นเด็กนั่งคนเดียวที่ป้ายรถเมล์ อาสาไปส่งกลางดึก ก่อนกลับมาดูกล้อง คุยคนเดียวทั้งคลิป!
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวสุดขนลุกที่ถูกแชร์อย่างมากบนโลกออนไลน์ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์เล่าเหตุการณ์ขณะขี่รถผ่านป้ายรถเมล์แห่งหนึ่ง ริมถนนสุวินทวงศ์ เจอเด็กผู้ชาย อายุประมาณ 8 - 9 ขวบ กำลังยืนรอรถอยู่คนเดียวตอนกลางคืน ด้วยความสงสาร หนุ่มคนนี้จึงรีบย้อนรถกลับมาพูดคุยกับน้องว่าจะไปไหน น้องบอกว่า พ่อแม่อยู่วัดแสนสุข จึงอาสาขี่ไปส่ง แต่พอมาย้อนกล้องดูถึงกับแทบไม่เชื่อสายตา เพราะในกล้องไม่มีภาพของเด็กชายคนนี้แต่อย่างใด
คลิปดังกล่าวเผยให้เห็นว่า หนุ่มรายนี้ขี่รถออกมาด้วยความเร็วปกติในเลนกลาง ผ่านไป 1 ป้ายรถเมล์ก็ไม่มีอะไร แต่พอขับผ่านอีกป้ายรถเมล์เจ้าตัวถึงกับร้อง "เฮ้ย !" ก่อนจะชะลอรถและชิดซ้ายและพูดว่า "ทำไมเด็กมารอรถแบบนี้อ่ะ" จากนั้นได้ขี่ย้อนไปที่ป้ายรถเมล์ว่างเปล่า แล้วถามว่า "หนู จะ 3 ทุ่มแล้ว จะไปไหนเนี่ย" และก็เว้นไป จากนั้นบอกว่า "อ้าวเหรอ แล้วพ่อแม่หนูไปไหน หา.. อะไรนะ วัดไหน วันแสนสุขเหรอ ? เขาไปทำอะไร ทำไมทิ้งหนูไว้คนเดียวล่ะ เขาอยู่วัดไหนนะ วัดแสนสุข ? เอาสิเดี๋ยวน้าไปส่ง ไม่ต้องกลัว ๆ ขึ้นมาเลย ๆ"
ซึ่งในคลิปแสดงให้เห็นว่า หนุ่มรายนี้นอกจากจะพูดกับเด็กที่ไม่ปรากฏในกล้องแล้ว ช่วงที่ชวนขึ้นรถยังมีการพยักหน้า เพื่อให้เด็กซ้อนท้ายขึ้นมาก่อนจะบอกว่า "ไม่ต้องกลัวลูก มันดึกแล้วเดี๋ยวไปส่ง มันจะเคอร์ฟิวแล้ว 3 ทุ่มแล้ว ขึ้นมาเลยลูก" ก่อนจะหันหน้าตรงแล้วขี่รถออกไป และยังถามอีกว่า "พ่อแม่หนูอยู่ไหน ทำไมอยู่วัดอ่ะ ธุระอะไร ทิ้งหนูอยู่คนเดียวเนี่ยนะ บ้าเอ้ย" อ่อ เดี๋ยวอาไปส่งให้ แล้วไม่มีโทรศัพท์เหรอ โทรศัพท์มือถือไม่มีเหรอ อ้าว.. ทิ้งเด็กป่ะเนี่ย? จากนั้นก็ขี่รถไปเรื่อย ๆ แต่ในคลิปก็ตัดไปไม่ได้เผยให้เห็นว่าไปส่งถึงวัดหรือไม่
ล่าสุด เจ้าของโพสต์ ระบุเพิ่มเติมว่า เหตุที่ถ่ายไม่ถึงหน้าวัดเพราะแบตหมดก่อน ส่วนวันที่ในกล้องไม่ตรงเพราะถอดแกะแบตกล้องบ่อย ไม่ได้ขอให้เชื่อ ถ้าไม่เชื่อ ก็ให้คิดว่าแสดงเพื่ออยากดังก็ได้ ยืนยันไม่ได้มีอาการเมาแต่อย่างใด ทั้งนี้หลังคลิปดังกล่าวถูกแชร์ออกไป มีหลายคนแจ้งข้อมูลเจ้าของโพสต์เพิ่มเติมด้วยว่า บริเวณใกล้เคียงจุดดังกล่าวเคยเกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตจริง
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews