ประกาศแต่งตั้ง พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เป็นเลขาสมช.คนใหม่
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในเรื่องแต่งตั้งวันที่ 14 กันยายน 2564 ดังนี้ เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (สำนักนายกรัฐมนตรี)
วันนี้ (14 ก.ย.2564) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอรับโอน พลเอก สุพจน์ มาลานิยม ข้าราชการทหาร ตำแหน่ง เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย กระทรวงกลาโหม มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 โดยผู้มีอำนาจสั่งบรรจุทั้งสองฝ่ายได้ตกลงยินยอมในการโอน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
สำหรับ พล.อ.สุพจน์ ถือว่าเป็นนายทหาร “ข้ามห้วย” มาปฏิบัติหน้าที่ ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นคนที่ 5 เพราะนับแต่ “บิ๊กตู่-พล.อ. ประยุทธ์” เข้ามาเป็นผู้นำรัฐบาล ตั้งแต่ยุค คสช.เรือยมาจนถึงปัจจุบันก่อนหน้านี้ก็ได้โยก “นายทหาร” เข้ามาคุมสภาความมั่นคงแห่งชาติแล้วถึง 4 คน ประกอบด้วย
1. พล.อ.ทวีป เนตรนิยม ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย โยกมาดำรงตำแหน่ง ในปี 2558
2. พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ จากผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กระทรวงกลาโหม เข้ามาดำรงตำแหน่งในปี 2560
3. พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา จาก รองปลัดกระทรวงกลาโหม เข้ามาดำรงตำแหน่งในปี 2562
และ 4. พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ จาก รองผู้บัญชาการทหารบก เข้ามาดำรงตำแหน่งในปี 2563
สำหรับ เสธ.ไก่-พล.อ.สุพจน์มาลานิยม จะมีอายุราชการเหลืออีก 2 ปี ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในปี 2566
โดยก่อนหน้านี้ พล.อ.สุพจน์ก็ได้เข้ามามีบทบาทในการช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในส่วนของฝ่ายความมั่นคงหรือในตำแหน่ง เสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) มาแล้ว
แต่สำหรับภารกิจพิเศษที่มีการดึงตัว “เสธ.ไก่-พล.อ.สุพจน์” ข้ามห้วยจากกองทัพบก มาเป็นข้าราชการพลเรือนในตำแหน่ง “เลขาฯ สมช.” ครั้งนี้ ว่ากันว่ามีภารกิจสำคัญ 2 เรื่องใหญ่คือ
1. จัดการเรื่องหน่วยปฏิบัติการด้านความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาต่อภูมิภาคนี้
และ 2. กำหนดยุทธวิธีว่าด้วยด้านการเมือง-ความมั่นคงในภูมิภาคนี้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน
ขอบคุณข้อมูลจาก ฐานเศรษฐกิจ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews