ไล่ออกแล้ว นักพัฒนาสังคมฯยักยอกเงินผู้สูงอายุ-คนพิการ อาจสูงถึง45ล้าน
พม. แถลงข่าว นักพัฒนาสังคมชำนาญการ ทุจริตเงินคนพิการช่วงโควิดจำนวน 13 ล้านบาทและ เงินผู้สูงอายุ ล่าสุดสั่งไล่ออกจากราชการเเล้ว
จากกรณี นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมุนษย์ หรือ พม. เปิดเผยกรณีนายพิศาล สุขใจธรรม นักพัฒนาสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ หรือ พก. ยักยอกเงินไปจำนวน 13 ล้านบาทจริง แต่ยืนยันว่าเป็นเงินนอกงบประมาณ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงินอุดหนุนกลุ่มเปราะบาง เนื่องจากบัญชีนี้ไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวทำให้ไม่ผิดสังเกต แต่ พม.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ตั้งแต่ที่พบการทุจริต ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ ที่สน. พญาไทตั้งแต่วันแรกที่ทราบเรื่อง และได้มีการหารือภายในให้ดำเนินการตรวจสอบการทุจริต จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ขณะที่กำลังหลบหนีข้ามชายแดนอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
โดยปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มีคำสั่งให้นักพัฒนาสังคมสงเคราะห์ชำนาญการออกจากราชการไว้ก่อน เนื่องจากพบว่ายักยอกเงินของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เชื่อว่าอาจยักยอกไปสูงถึงกว่า 45 ล้านบาท
ดังนั้นกรมส่งเสริมพัฒนาและคุณภาพชีวิตในฐานะเจ้าทุกข์ ได้ดำเนินการยื่นคัดค้านประกันตัวนายพิศาลต่อไป และออกจากราชการไว้ก่อน ระงับการจ่ายเงินเดือน พร้อมทั้งส่งเรื่องไปยัง ปปง.ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จโดยด่วน เร่งปิดช่องโหว่การทุจริตให้ทุกกรมในกระทรวง เปลี่ยนรหัสเข้าถึงบัญชี เพื่อป้องกันการยักยอกเงินซ้ำรอย
ด้านนางสาว สราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก) ระบุถึงพฤติการณ์ของผู้กระทำความผิด ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าการบัญชี และมีความรู้เกี่ยวกับด้านบัญชี เทคโนโลยี จากการตรวจสอบบัญชีย้อนหลังได้ 3 เดือนพบความปกติเงินถูกโอนเข้ายังบัญชีนายพิศาลหลายครั้ง
จากการสอบปากคำเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพกับ ตำรวจ ปปป.ว่า ก่อเหตุเพียงคนเดียว แม้ว่าจะมีข้าราชการที่รู้รหัสเข้าบัญชีของกรมพก. 3 คน และจะโอนเงินก็ต่อเมื่อมีรหัสเข้าบัญชี 2 ใน 3 คน ทำให้ พม.ยังไม่ปักใจเชื่อว่าจะกระทำคนเดียวจริง แต่ก็พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ขณะเดียวกันจากการรายงานเบื้องต้นพบผู้ต้องหามีพฤติการณ์แบบนี้มากว่า 1 ปีแล้ว และมีรายงานว่ามีการยักยอกเงินไปได้กว่าหลายสิบล้านบาท จุงต้องรอตรวจสอบเส้นทางการเงินอีกครั้ง เนื่องจากผู้ต้องหาย้ายมาทำงานที่กรม พก.ตั้งแต่ปี 2561 ส่งผลให้ พม.เตรียมยื่นเรื่องไปยัง กรมบัญชีกลางเพื่อขอตรวจสอบบัญชีย้อนหลังเพื่อขยายผลการดำเนินคดี
ด้าน ปปท.ในฐานะเลขาศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช.ดำเนินการจากกำกับติดตามการดำเนินการสอบสวนสอบสวนทางปกครองและวินัย ของ พม. พร้อมกับจะเร่งปิดช่องโหว่การทุจริต เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงไม่ให้เกิดซ้ำรอยคดีทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่ง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews