7 ปีคดีไม่คืบ แม่น้องการ์ตูน พ้อ กฎหมายไทยอ่อนแอ เป็นเพียงแค่กระดาษใบเดียว
แม่น้องการ์ตูน โพสต์ตัดพ้อ 7 ปีคดีไม่คืบหน้า กฎหมายไทยอ่อนแอ เป็นเพียงแค่กระดาษใบเดียว เปิดช่องโหว่คนทำผิด บิดพริ้วลอยนวล
เป็นเรื่องราวที่สะเทือนใจอีกเรื่อง สำหรับ"คดีน้องการ์ตูน" ที่เป็นคดีดังที่คนในสังคมให้ความสนใจ โดยย้อนไปเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2557 ได้มีรถกระบะแข่งกันมา ก่อนจะเสียหลักพุ่งชนร้านสเต๊ก ส่งผลให้พ่อน้องการ์ตูน เสียชีวิต เนื่องจากวิ่งเข้าไปเอาตัวบัง ส่วน "น้องการ์ตูน" ซึ่งในขณะนั้นอายุเพียง 5 ปี ต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง แม่ต้องคอยดูแลมาตลอดระยะเวลา 7 ปี ส่วนทางด้านคนขับรับโทษติดคุก 1 ปี ก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวออกมา ขณะที่ศาลสั่งให้ชำระค่าเสียหาย แต่อีกฝ่ายโพสต์เย้ยไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย อีกไม่นานคดีหมดอายุความ
และเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 64 คุณแม่ของน้องการ์ตูน ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเพจเฟซบุ๊ค "ร้านสเต็กคุณแม่การ์ตูน Mother's Grill Steak House "ย่างด้วยรัก หมักด้วยใจ" ในวันครบรอบ 7 ปี จากเหตุการณ์อุบัติเหตุในครั้งนั้น โดยมีการระบุว่า "19 ก.ย. 57 ถึง 19 ก.ย. 64 = 7 ปีเต็มกับกระดาษใบเดียวที่ศาลสั่งมา เป็นเพราะความอ่อนแอของ กฏหมาย ใช่หรือไม่ ที่ทำให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบกันมากมาย อย่างที่เราเห็นกันจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว กฏหมายที่มีเหมือนไม่มี คือภัยเงียบใกล้ตัว ที่เมื่อเกิดขึ้นกับเราแล้ว มันจะร้ายแรงจนอาจไม่สามารถต้านทานได้
คุณเชื่อไหมว่า คุณใช้ชีวิตอยู่บนกฏหมายที่อ่อนแอจนไม่สามารถปกป้องชีวิตคุณได้เลย ในวันนี้ถ้าคุณถูกกระทำในเรื่องใดก็ตาม คุณจะเผชิญความยากลำบากอย่างสาหัสในการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ ที่ต่อให้คุณพยายามหาทางเท่าไหร่ ก็ไม่มีกฏหมายไหนมาคุ้มครองให้คุณได้รับความเป็นธรรมอย่างที่ควรจะเป็น
ลองจินตนาการดูว่า วันนึงคุณถูกทำร้าย กฏหมายจะเอื้อให้คนที่ทำร้ายคุณได้รับโทษจำคุกเผื่อเป็นบทเรียนให้ไม่กล้ากลับมาทำผิดอีก แต่กฏหมายลืมคนที่ถูกทำร้าย ที่ยังต้องมีชีวิตอยู่ แต่ไม่ได้คุ้มครองอะไรให้เลย จึงเกิดเป็น ช่องโหว่ให้ผู้ที่ทำผิด สามารถบิดพริ้ว ลอยตัวไม่ต้องรับผิดชอบในการทำผิดที่มีต่อคุณได้อย่างง่ายดาย และก็ปล่อยให้คุณที่นอกจากจะต้องเจ็บช้ำทางร่างกายและจิตใจจากการถูกทำร้ายแล้ว ยังต้องลำบากในการหาทางดำเนินชีวิตต่อไปด้วยตัวเองอีก เพราะกฏหมายไทยไม่เคยเอื้ออะไรให้ผู้ถูกกระทำ แล้วเราจะมีกฏหมายไว้เพื่ออะไร? ในเมื่อไม่ได้ยุติธรรม อย่างที่ควรจะเป็น กฏหมายคุมเราไว้แต่ไม่เคยคุ้มครองเราได้จริงๆ
เคสของครอบครัวแม่ ก็เป็นกระจกสะท้อนใบใหญ่ได้ชัดเจน ในวันที่แม่เป็นผู้เสพข่าว แม่ยังไม่เข้าใจถึงความเสี่ยงของการใช้ชีวิตภายใต้กฏหมายที่อ่อนแอเช่นนี้ จนเกิดเรื่องขึ้นกับครอบครัวที่รัก จึงทำให้รู้ว่า ชีวิตเราด้อยค่ามากเมื่อเราเป็นผู้ถูกกระทำ ยังคงยืนยันหนักแน่นว่า ผู้กระทำผิดต่อชีวิตคนในครอบครัวแม่ ทุกวันนี้ยังไม่เคยมาชดเชยอะไรให้เลย และกฏหมายก็อำนวยให้ผู้กระทำผิด สามารถใช้ชีวิตสุขสบายได้โดยที่ไม่ต้องสนใจ เหยื่อผู้ถูกกระทำ ต่อให้มีนักกฎหมายเข้ามาช่วยเหลือ ก็ไม่สามารถเรียกร้องการชดใช้อะไรจากคนผิดได้ เพราะกฏหมายเราอ่อนให้ผู้กระทำผิด สามารถอยู่ได้อย่างสบาย แต่กฏหมายกลับแข็งให้ผู้ถูกกระทำไม่สามารถทำอะไร คนผิดได้เลย ตราบใดที่ กฏหมายมีช่องโหว่แบบนี้ ชีวิตเราทุกคนก็ยังคงต้องเสี่ยงอยู่บนเส้นด้ายที่ขาดเมื่อไหร่ คุณจะทรมานแสนสาหัสเมื่อนั้น
จากความในใจ ของผู้ถูกกระทำ ที่เหนื่อยมามาก แต่ยังมีลมหายใจ จึงจำเป็นต้องดิ้นรนด้วยตัวเองเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดต่อไป #เลือกเกิดไม่ได้เลือกเป็นก็ไม่ได้ #ความในใจของนักรบมือเปล่า (รูปแห่งความทรงจำสุดท้ายก่อนจากกัน)"
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews