อัพเดทสถานการณ์ อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร ยังต้องเฝ้าระวังปริมาณน้ำต่อเนื่อง
อัพเดทสถานการณ์ อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร ระดับน้ำลดลง 30 ซม. (เริ่มลดลงเวลา 01:00) และเหลือถึงระดับสันทำนบดิน อ่างฯ 60 ซม.
อัพเดตสถานการณ์ล่าสุด เช้าวันนี้ 27 ก.ย.64 ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร จ.นครราชสีมา ระดับน้ำลดลง 30 ซม. (เริ่มลดลงเวลา 01:00) และเหลือถึงระดับสันทำนบดิน อ่างฯ 60 ซม.
โดย โครงการชลประทานนครราชสีมา เปิดเผยว่า หมายถึง ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างฯ ประมาณ 400-500 ลบ.ม.ต่อวินาที < (ลดลง/น้อยกว่า) ปริมาณน้ำที่ไหลออกจากทุกช่องทาง (ช่อง river outlet ซ้าย/ขวา , กาลักน้ำ /สูบน้ำ ,รถสูบซิ่ง ,ทางระบายน้ำฉุกเฉินขวา (Emergency Spillway) ,และช่องบ่อก่อสร้าง ประตูระบายน้ำ สปิลเวย์( Service Spillway)
จึงยังไม่ต้องตัดคันทำนบดินอ่างฯ จุดอื่นเพิ่มการระบายอีกระดับน้ำในอ่างฯ ทรงตัวและลดลง ทำให้ ไม่เกิดล้นข้ามทำนบดินสันของอ่าง ในลักษณะพังทลาย หรือเขื่อนแตก สามารถบริหารน้ำออกอ่างฯให้มากกว่าหรือเท่ากับน้ำเข้าอ่างฯ รักษาความปลอดภัยเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ พ้นวิกฤติ และบรรเทาความเสียหายด้านท้ายน้ำ เเต่ยังต้องเฝ้าระวังปริมาณน้ำที่ยังคงไหลลงมาจากตอนบน ห้วยสามบาท ที่ไหลลงมาอย่างต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้เมื่อคืนที่ผ่านมา ทาง ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ได้ออกมาชี้เเจงยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงคันดินกั้นน้ำเพื่อการก่อสร้างถูกน้ำเซาะเท่านั้น ล่าสุดจังหวัดออกหนังสือแจ้งเตือนเรื่องน้ำล้นอ่างและเพิ่มการปล่อยน้ำแล้ว สถานการณ์ที่ลำเชียงไกร จ.นครราชสีมา โดยรองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ลำเชียงไกร ไม่ได้แตก จุดที่เกิดปัญหา คือ จุดที่มีไซด์งานก่อสร้าง อาคาร และทางระบายน้ำ โดยผู้รับจ้างดำเนินการก่อสร้างไปได้แล้วร้อยละ 70
แต่ขณะก่อสร้าง มีฝนตกหนัก และน้ำจากตัวอ่างลำเชียงไกร มีปริมาณน้ำเกินความจุอ่าง ทำให้น้ำล้นสปินเวย์ มาสมทบกับตรงจุดก่อสร้าง ประกอบกับ ช่วงก่อสร้างใช้ทำนบดินกั้นขวางทางน้ำ เมื่อน้ำมากจึงกัดเซาะทำนบดินไซด์ก่อสร้าง ชำรุด น้ำจึงไหลลงตรงที่ก่อสร้างทางระบายน้ำ ซึ่งทำให้ดูเหมือนตัวอ่างชำรุด จริงๆ แล้วไม่ใช่
ดร.ทวีศักดิ์ฯ กล่าวยืนยันว่า ตัวอ่างและสันอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร มั่นคงแข็งแรง แต่ด้วยปริมาณน้ำที่มากเกินความจุอ่าง จึงทำให้น้ำล้น ขณะนี้ทางจังหวัดนครราชสีมา ได้ออกประกาศเตือนประชาชนที่อยู่ท้ายอ่าง ให้ระมัดระวังน้ำมากที่ล้นอ่าง และอาจท่วมได้ แล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews