"รองอธิบดีกรมชลประทาน"พูดแล้ว อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร สรุปแตก-ไม่แตก
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึง สถานการณ์ "อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร" ที่นครราชสีมา ว่าแตกหรือไม่
จากกรณี ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เผยถึง สถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร จ.นครราชสีมา ว่าเขื่อนลำเชียงไกร ไม่ได้แตก จุดที่เกิดปัญหา คือ จุดที่มีไซด์งานก่อสร้าง อาคาร และทางระบายน้ำ โดยผู้รับจ้างดำเนินการก่อสร้างไปได้แล้วร้อยละ 70 แต่ขณะก่อสร้าง มีฝนตกหนัก และน้ำจากตัวอ่างลำเชียงไกร มีปริมาณน้ำเกินความจุอ่าง ทำให้น้ำล้นสปิลเวย์ มาสมทบกับตรงจุดก่อสร้าง ประกอบกับ ช่วงก่อสร้างใช้ทำนบดินกั้นขวางทางน้ำ เมื่อน้ำมากจึงกัดเซาะทำนบดินไซด์ก่อสร้างชำรุด น้ำจึงไหลลงตรงที่ก่อสร้างทางระบายน้ำ ซึ่งทำให้ดูเหมือนตัวอ่างชำรุด จริงๆ แล้วไม่ใช่
รองอธิบดีกรมชลประทาน ยืนยันว่า ตัวอ่างและสันอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร มั่นคงแข็งแรง แต่ด้วยปริมาณน้ำที่มากเกินความจุอ่าง จึงทำให้น้ำล้น ขณะนี้ จังหวัดนครราชสีมา ออกประกาศเตือนประชาชนที่อยู่ท้ายอ่าง ให้ระมัดระวังน้ำมากที่ล้นอ่างและอาจท่วมได้
ล่าสุด โครงการชลประทานนครราชสีมา ระบุว่า อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง ระดับน้ำเริ่มลดลง รายงานว่า เช้าวันนี้ (27 ก.ย.64) ระดับน้ำในอ่างฯ ลดลง 30 ซม. (เริ่มลดลงเวลา 01.00 น.) และเหลือถึงระดับสันทำนบดิน อ่างฯ 60 ซม. หมายถึง ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างฯ ประมาณ 400-500 ลบ.ม.ต่อวินาที < (ลดลง/น้อยกว่า) ปริมาณน้ำที่ไหลออกจากทุกช่องทาง (ช่อง river outlet ซ้าย/ขวา , กาลักน้ำ /สูบน้ำ ,รถสูบซิ่ง ,ทางระบายน้ำฉุกเฉินขวา (Emergency Spillway) , และช่องบ่อก่อสร้าง ประตูระบายน้ำ(Service Spillway) จึงยังไม่ต้องตัดคันทำนบดินอ่างฯ จุดอื่นๆเพิ่มการระบายอีก
- เช็คด่วน 12 จังหวัด ลุ่มน้ำเจ้าพระยา เตรียมตัวรับมือ มวลน้ำหลาก
- คนโคราช จวกยับ หลัง ชลประทานแจงล่าสุด "อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร"
- ย้อนคำทำนาย "หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ" ผ่าดวงไทย ระวังน้ำท่วมหนัก ก.ย.-สิ้นปี 64
เมื่อระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำ ทรงตัวและลดลง ทำให้ไม่เกิดน้ำล้นข้ามทำนบดินสันของอ่างฯ ในลักษณะพังทลาย เวลานี้สามารถบริหารน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำ ให้มากกว่าหรือเท่ากับน้ำเข้าอ่างฯ รักษาความปลอดภัยเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ พ้นวิกฤตและบรรเทาความเสียหายด้านท้ายน้ำ แต่ยังต้องเฝ้าระวังปริมาณน้ำที่ยังคงไหลลงมาจากตอนบนห้วยสามบาท ที่ไหลลงมาอย่างต่อเนื่องต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews