แรมโบ้ จวกเดือด โอ๊ค พานทองแท้ หลังแขวะ การทำงาน บิ๊กตู่

จากกรณีวานนี้ (28 ก.ย.64) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร โพสต์ทวิตเตอร์วิจารณ์การทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ทั้งการลงพื้นที่น้ำท่วมและการบริหารประเทศ โดยย้ำว่าตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาบริหารประเทศ หากนายพานทองแท้ ไม่หูหนวก ตาบอด คงจะได้เห็นว่าได้แก้ไขปัญหาอะไรไปบ้าง และยังพัฒนาประเทศหลายด้าน ซึ่งตนมั่นใจมากมายกว่ารัฐบาลของนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เคยทำไว้

ในส่วนการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากน้ำท่วมนั้น ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ลงไปรับฟังและเห็นปัญหาอย่างแท้จริง เพื่อนำไปสู่การแก้ไขความเดือดของประชาชนให้ตรงจุด ไม่เหมือนยุคนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่คิดแต่เรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ไม่นึกถึงความเดือดของประชาชนเป็นหลัก

ทางด้านนายพานทองแท้ ระบุถึงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยการสวดมนต์ หากเป็นคนที่ไม่ชอบหรือไม่เห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ก็คงนำมาเป็นประเด็นโจมตี ทั้งที่รู้ดีถึงเจตนาของ พล.อ.ประยุทธ์ และก่อนที่นายพานทองแท้จะออกมาโพสต์ว่าคนอื่น ขอให้ทำการบ้านมาก่อน เพราะสมัยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ ก็ได้มีการจัดพิธีสวดไล่วิกฤติอุทกภัยอย่างโตมโหฬาร เมื่อปลายปี 54  ทำไมจึงไม่ตำหนิอาของตัวเองบ้าง 

 

 

- สรยุทธ พูดแทนใจ คนจองวัคซีนโมเดอร์นา ทั้งที่จ่ายเงินเองแท้ๆ

- ขอแสดงความเสียใจ "อส.ทพ.วัฏจักร" เสียชีวิต จากการปะทะกลุ่มแนวร่วมอาร์เคเค

- กรมราชทัณฑ์ ไล่ออกผู้คุม เรือนจำกลางชลบุรี เรียกรับผลประโยชน์ จากนักโทษ

ส่วนที่นายพานทองแท้พูดถึงการทำงาน พล.อ.ประยุทธ์ ตนก็ขอให้ย้อนกลับไปดูการบริหารงานของนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ได้ทำอะไรเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติบ้าง ที่ตนเองก็เห็นผลงานที่เด่นชัด คือ โกงบ้าน โกงเมือง โกงชาวนา จนตรอมใจผูกคอตายไปหลายคน และและขนเงินจากการโกงหลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ ต่างจากพล.อ.ประยุทธ์ ที่แม้จะมีการแต่งเพลง คุยเล่นกับวัว ก็ไม่ได้ทำให้ประชาชนล้มละลายเป็นหนี้เป็นสิน ไม่ได้คิดโกง คิดแต่ทำงานเพื่อประเทศชาติประชาชนอย่างแท้จริง ที่สำคัญไม่คิดแสวงหาความร่ำรวยบนคราบน้ำตาของคนจน ไม่เคยคิดออกกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับครอบครัวตัวเอง ดังเช่นพ่อและอาของนายพานทองแท้  ตกลงนายกฯ แบบขี้โกงดีกว่าใช่ไหม"

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews