ศาลฎีกา ยกฟ้อง หมอนิ่ม คดีจ้างวานฆ่า เอ็กซ์ จักรกฤษณ์
ศาลฎีกาสั่งยกฟ้อง หมอนิ่ม คดีจ้างวานฆ่า เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ อดีตนักยิงปืนทีมชาติไทย ที่ผู้กระทำได้จ้างวานให้มือสังหาร ยิงปืนใส่เอ็กซ์ ดับคารถหรู เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2556
เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งคดีที่ยืดเยื้อมานานหลายปี สำหรับคดีของ เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักยิงปืนทีมชาติไทย ที่ผู้กระทำได้จ้างวานให้มือสังหาร ยิงปืนใส่เอ็กซ์ ดับคารถหรู เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2556 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แกะรอยจากพยานหลักฐานจนในที่สุดสามารถจับตัวมือสังหารรวมถึงผู้จัดหาได้สำเร็จ หลังคำซัดทอดเผยออกมาเป็นที่ตกใจของผู้ที่รอฟังสรุปผลของคดี เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ เมื่อผู้ที่อยู่ในขบวนการจ้างวานฆ่านั้นเป็นคนใกล้ชิด อย่าง พญ.นิธิวดี หรือ หมอนิ่ม ภู่เจริญยศ ภรรยาของเอ็กซ์ รวมอยู่ในคดีด้วย และเมื่อแกะรอยลงลึกไปอีกขั้น เจ๊แหม่ม คนรับงานและจัดหามือปืน ออกมาซัดทอดไปถึง นางสุรางค์ ดวงจินดา แม่ของหมอนิ่ม ว่าเป็นผู้จ้างวานและเรียกตนเข้าไปหา
สำหรับความคืบหน้ากรณีดังกล่าวนั้น เพจเฟซบุ๊ก สื่อศาล ได้รายงาน ข้อมูลคำพิพากษาฎีกา “คดีฆ่านายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย”ตัวอย่างคดีศึกษาเหตุพิจารณาบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา
ตามที่ พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลจังหวัดมีนบุรี เป็นโจทก์ และนายมานพ พณิชย์ผาติกรรม เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง
นายจิรศักดิ์ จำเลยที่ 1
น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2
อดีตภรรยาผู้เสียชีวิต จำเลยที่ 3
นายสันติ จำเลยที่ 4
นายธวัชชัย จำเลยที่ 5
ในความผิดต่อชีวิต และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490
โดยคดีนี้ มีนางบุญคิด พณิชย์ผาติกรรม เป็นผู้ร้อง ยื่นคำร้องขอให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งเป็นเงิน 4.4 ล้านบาทด้วย
สำหรับพฤติการณ์ตามฟ้องกล่าวหาว่า ระหว่างเดือน ส.ค.56 - วันที่ 19 ต.ค.56 จำเลยที่ 2, 3, 4 ได้ร่วมกันจ้างวานใช้ให้ฆ่านายจักรกฤษณ์หรือเอ็กซ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย
ซึ่งศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1, 3, 4, 5 ว่าได้ร่วมกันกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 289(4) และความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน ฯ ประกอบ ป.อ.มาตรา 83 ให้จำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 1 และที่ 5 และให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 3 และที่ 4 โดยยกฟ้องจำเลยที่ 2 กับให้จำเลยที่ 1, 3, 4, 5 ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 2.5 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีให้กับโจทก์ร่วมและผู้ร้อง
ต่อมา โจทก์ โจทก์ร่วม ผู้ร้อง และจำเลยทั้งห้ายื่นอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 289(4) ประกอบมาตรา 84 ให้จำคุกตลอดชีวิต และให้จำเลยที่ 2 ร่วมชดใช้เงินจำนวน 2.5 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีให้โจทก์ร่วมและผู้ร้องด้วย ส่วนจำเลยที่ 3 ให้ยกฟ้องและให้ยกคำร้องขอชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในส่วนของจำเลยที่ 3 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
-เริ่มวันนี้ "เราเที่ยวด้วยกัน" เฟส 3 เปิดจองที่พัก ก่อน Check-In วันแรก 15 ต.ค.
-ข่าวดี "อังกฤษ" ถอด "ไทย" หลุดพ้นประเทศกลุ่มสีแดงเเล้ว
-เปิดวาร์ป "ตี๋ ธนพล" หนุ่มหล่อ ถูกลือ เป็นรักครั้งใหม่ "แอฟ ทักษอร"
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา ซึ่งคดีมีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาไปเมื่อวันที่ 12 พ.ค.64 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า ฎีกาจำเลยที่ 1 และที่ 2 ที่ต่อสู้ในประเด็นการร่วมจำเลยที่ 4 และที่ 5 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 2.5 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยจนกว่าจะชำระเสร็จให้กับโจทก์ร่วมและผู้ร้องนั้น ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมชดใช้ตามจำนวนดังกล่าวนั้นชอบด้วยเหตุผลแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย และฎีกาข้ออื่นที่ต่อสู้ประเด็นการรับฟังคำให้การพยานที่มาลงโทษจำเลย ก็ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
อย่างไรก็ดี ในส่วนของพฤติการณ์การกระทำผิดจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นแม่ยายผู้ตาย ศาลฎีกาเห็นว่าเกิดจากการที่ผู้ตายกระทำต่อจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรคนเดียวของจำเลยที่ 2 ครั้งแล้วครั้งเล่า และบางครั้งยังกระทำต่อหน้าหลานเล็ก ๆ ของจำเลยที่ 2 อันเนื่องมาจากปัญหาการควบคุมอารมณ์ของผู้ตาย โดยก่อนเกิดเหตุมีความไม่แน่นอนว่าผู้ตายซึ่งเป็นนักกีฬายิงปืน มีอาวุธปืนอาจใช้อาวุธปืนของตนกระทำต่อจำเลยที่ 3 และครอบครัวในขณะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ก็เป็นได้เพราะก่อนเกิดเหตุเพียง 2 เดือนก็ยังใช้อาวุธปืนยิงไปทางคนรับใช้และบุตรคนเล็กจนผู้ตายถูกจับและถูกควบคุมตัวที่เรือนจำและเพิ่งได้รับการประกันตัวมาไม่นาน การกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 ที่ขณะเกิดเหตุเป็นหญิงมีอายุถึง 72 ปีและบัดนี้มีอายุเกือบ 80 ปีแล้ว และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน จึงเข้าลักษณะของผู้กระทำความผิดที่ตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 78 ที่ศาลอาจลดโทษได้ให้ไม่เกินกึ่งหนึ่ง และตาม ป.อ.มาตรา 52 “ในการลดโทษประหารชีวิตไม่ว่าจะเป็นการลดมาตราส่วนโทษหรือลดโทษที่จะลง ให้ลดดังต่อไปนี้... (2) ถ้าจะลดกึ่งหนึ่งให้ลดเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือโทษจำคุกตั้งแต่ 25 ปีถึง 50ปี” ที่ศาลอุทธรณ์ลดโทษให้จำเลยที่ 2 เพียงหนึ่งในสามและคงจำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิตด้วยเหตุเพียงคำให้การชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลฎีกายังไม่เห็นพ้องด้วย เห็นควรลดโทษให้จำเลยที่ 2 อีก
ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้เป็นว่า คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา และจำเลยที่ 2 กระทำความผิดเพราะตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่งตาม ป.อ มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) คงลงโทษจำคุก 25 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
*** หมายเหตุ คดีนี้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 12 พ.ค 64
"รู้จักกับน้องนิ่ม คุณแม่และน้องเอ็กซ์มานาน กว่า 7 ปี แล้ว ทราบข่าวว่าน้องเอ็กซ์ทำร้ายภรรยาโดยตลอด วันเกิดเหตุน้องนิ่มแท้งลูกเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.เสรีรักษ์ คุณแม่ได้เรียกแหม่มไปพบที่โรงพยาบาล ขอความช่วยเหลือให้ช่วยจัดการเรื่องนี้ให้หน่อย จึงพาทนายไปพบและได้คุยกับแม่ ซึ่งแอบคุยโดยที่หมอนิ่มเองนอนอยู่บนเตียง ทนายอิ๊ดขอค่าดำเนินการ 6 แสน ซึงดิฉันไม่รู้ว่าดำเนินการอย่างไร ต่อมาผ่านไปสักระยะทนายอี๊ดแจ้งว่างานยังไม่เรียบร้อยขอค่าดำเนินการเพิ่มอีก 6 แสนบาท ซึ่งหลังได้เงินงวดสุดท้าย ไม่สามารถติดต่อทนายอี๊ดได้เลย"
11 พฤศจิกายน 2556 นางสุรางค์ ดวงจินดา แม่หมอนิ่มเข้ามอบตัวรับทราบข้อกล่าวหา โดยรับสารภาพว่าจ้างมือปืนฆ่าเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ จริง เพราะแค้นที่ลูกสาวโดนซ้อมบ่อย ๆ แม้ว่าในช่วงที่ลูกสาวท้องลูกคนที่ 3 อยู่ แต่ เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ก็ยังทำร้ายจนทำให้แท้งลูก นอกจากนี้ เอ็กซ์ ยังเคยเอาปืนมาขู่ตนด้วย จึงทนไม่ไหว
"กระทั่งมีปัญหาครั้งล่าสุดที่มี การร้องขอความช่วยเหลือจากนางปวีณา แล้วเอ็กซ์ต้องเข้าเรือนจำพอออกมาแล้วคิดว่าเอ็กซ์ จะดีขึ้นแต่ก็ยังไม่ดี ยังทำร้ายทุบตียิ่งร้ายขึ้นทุกวันไม่ใช่ว่าทำน้อยลง ก่อนมาแจ้ง รมว.พม. ก็ทำร้ายจนหมอนิ่มแท้ง เขาทำได้อย่างไรทั้งที่รู้ว่ามีลูก ถามว่าทุกคนจะทำใจได้หรือไม่ ส่วนตัวแม่ทำใจไม่ได้ เมื่อเป็นแบบนี้แล้วจะรอให้ลูกตายก่อนหรือ แม่ทนไม่ได้ที่จะเป็นแบบนั้น"
ด้าน พญ.นิธิวดี ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกเสียใจที่แม่ต้องมาทำผิดเพราะตน ซึ่งสาเหตุที่แม่ทำเช่นนี้เพราะทนไม่ได้ที่นายจักรกฤษณ์ทำร้ายตนเองมาตลอด แม้แต่ตอนที่ตนท้องลูกคนที่ 3 นายจักรกฤษณ์ก็ทราบว่าตนท้อง แต่ก็ยังทำร้ายจนแท้งลูก
"พี่เอ็กซ์ใช้ความรุนแรงมาโดยตลอดและมากขึ้นเรื่อย ๆ แม่ทนไม่ได้ แม่เจ็บกว่าเรามาก แม่เห็นอยู่เป็นประจำ ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อท้องคนที่ 3 พี่เอ็กซ์ก็ทราบว่าดิฉันท้องอยู่ แต่ก็ยังทำร้าย คนเป็นแม่จะรู้สึกอย่างไร ดิฉันแท้งลูก แม่ดิฉันเจ็บกว่าดิฉันมาก โดยพี่เอ็กซ์ได้ชกที่ท้องหลายครั้งตอนที่ท้อง เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แท้งร่วมกับสาเหตุอื่น ๆ มาประกอบ"
ภายหลัง ตำรวจ สน.มีนบุรี ให้ นางสุรางค์ ดวงจินดา แม่หมอนิ่ม พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ ประกันตัวสู้คดีในชั้นศาล โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 5 แสนบาท เนื่องจากเห็นว่าผู้ต้องหาไม่มีเจตนาหลบหนี และเข้ามอบตัวเอง ซึ่งจากการสอบประวัติไม่เคยทำความผิด หรือเป็นผู้มีอิทธิพลใด ๆ
นายสันติ ทองเสม หรือทนายอี๊ด ที่ถูกพาดพิงว่าเป็นผู้ว่าจ้างและจัดหามือปืน ได้เข้ามอบตัวกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ และปฏิเสธว่าเป็นผู้จ้างวานฆ่านายจักรกฤษณ์ โดยยอมรับว่า รู้จักเจ๊แหม่มจริง เพราะเคยทำคดีเกี่ยวกับหนี้สินให้ แต่ไม่ได้สนิทสนมเป็นการส่วนตัว ส่วนนายจิรศักดิ์ที่เป็นมือปืนนั้น ก็เคยเจอกันจริง แต่ส่วนตัวไม่รู้ว่านายจิรศักดิ์ประกอบอาชีพอะไร พร้อมยืนยันว่า ไม่เคยพบ หรือรู้จักมารดาของหมอนิ่มมาก่อน
19 ธ.ค.2559 ศาลจังหวัดมีนบุรีตัดสินประหารชีวิต พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ หรือ "หมอนิ่ม" ฐานจ้างวานฆ่าสามี ส่วนนางสุรางค์ มารดาของหมอนิ่มให้ยกฟ้อง ขณะที่นายสันติ หรือทนายอี๊ด พิพากษาให้ประหารชีวิตสถานเดียวเช่นกัน สำหรับ 2 มือปืนที่ลั่นไกสังหาร ให้จำคุกตลอดชีวิต
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews