ลุงขายลอตเตอรี่ใจงาม เก็บขยะอุดท่อริมถนน โดนเก๋งพุ่งชนจนเสียชีวิต
ลุงขายลอตเตอรี่จอดรถจักรยานบนฟุตปาท ช่วยเก็บขยะอุดท่อระบายน้ำริมถนน ถูกรถเก๋งพุ่งชนอย่างแรงเสียชีวิต!!
มีรายงานข่าวเศร้า นายเกียรติศักดิ์ กงประโดน อายุ 58 ปี พ่อค้าลอตเตอรี่ ได้ขี่จักรยานมาตามถนนเทพารักษ์ กม.ที่ 23 ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 64 แล้วจอดรถจักรยานนำไม้ไปเขี่ยขยะที่อุดตันอยู่ที่หน้าท่อระบายน้ำริมถนน บริเวณหน้าบริษัทกรุงเทพเหล็กกล้า จำกัด แต่จู่ๆมีรถเก๋งสีขาววิ่งมาด้วยความเร็วพุ่งเข้าชนแรง ร่างกระเด็นไปไกลหลายเมตร กระทั่งมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู และรถพยาบาลของ รพ.รามาสมุทรปราการ ร่วมกันช่วยเหลือนำส่ง รพ.จุฬารัตน์ 5 แพทย์ไม่สามารถยื้อชีวิตของคุณลุงไว้ได้ ขณะที่ในจุดเกิดเหตุมีแผ่นป้ายทะเบียนรถต้องสงสัยตกอยู่ ทางร้อยเวรของ สภ.บางเสาธง จึงเร่งติดตามรถคันก่อเหตุชนแล้วหนีมารับโทษ
ต่อมาในช่วงบ่ายของวันเกิดเหตุ ทางคนขับรถเก๋งคันดังกล่าวได้เข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้ที่ตำรวจ สภ.บางเสาธง พร้อมให้การว่าตนเองขับรถทางไกลมาจาก จ.บุรีรัมย์ เพื่อจะกลับที่พักในซอยคอนโดลิฟท์แก้ว ที่ห่างจากจุดเกิดเหตุไปอีกประมาณ 1 ยูเทิร์น แต่เกิดอาการง่วง และวูบหลับไปโดยไม่รู้ตัวว่าชนคน กระทั่งขับรถถึงบ้านพบว่าหน้ารถมีรอยชน และแผ่นป้ายทะเบียนหน้ารถหายไป จึงเปิดกล้องหน้ารถของตัวเองดู จึงรู้ว่าชนคน จึงได้มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำกล่าวอ้างของผู้ก่อเหตุทั้งหมด และได้เป่าตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ปรากฎว่าไม่มี จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และไม่หยุดรถให้การช่วยเหลือในที่เกิดเหตุ
-หนุ่มดีใจ ตร.แจ้งว่าเจอรถที่หายไป 8 ปี แต่หลังเจอสภาพแทบเข่าอ่อน
-ฟองเบียร์ รีวิวชีวิตสุดขนลุก "บ้านเป็นทางผ่านงู" สารพัดงูแวะเวียนมาหา
-เตือนห้ามวางพาวเวอร์แบงค์ไว้หน้ารถเด็ดขาด สุดท้ายไฟไหม้ท่วม
ขณะที่ญาติของผู้เสียชีวิต เผยว่า นายเกียรติศักดิ์ ขายลอตเตอรี่มานานกว่า 10 ปี และเป็นคนที่มีจิตสาธารณะ จนชาวบ้านแถวที่เกิดเหตุรู้จักผู้เสียชีวิตเป็นอย่างดี ขณะเกิดเหตุผู้เสียชีวิตขี่รถจักรยานตระเวนขายลอตเตอรี่อยู่ แต่เห็นว่าที่ปากท่อระบายน้ำที่อยู่ริมถนน จึงจอดจักรยานลงไปเก็บขยะออกจากปากท่อเหมือนเคยทำเป็นประจำ แต่คราวนี้เคราะห์ร้ายถูกรถชนจนเสียชีวิต ถือเป็นการทำความดีด้วยจิตสาธารณะจนนาทีสุดท้ายของชีวิต
ขอบคุณ FB : ป๊อกเก้า สองเด้ง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews