รมว.ท่องเที่ยวฯ แจงแผนทุ่มงบ 200 ล้าน ดึง ลิซ่า - นักร้องโอเปร่าโปรโมทไทย
รมว.ท่องเที่ยวฯ จริงจัง แจงแผนทุ่มงบ 200 ล้าน ดึง ลิซ่า Blackpink - นักร้องโอเปร่าชื่อดัง โปรโมทไทย รวมค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จ 500 ล้านบาท
ถือเป็นอีกหนึ่งกระแสที่มาแรงทีเดียวหลังจากที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. มีแผนจะดึง ลิซ่า Blackpink หรือ ลลิษา มโนบาล ศิลปินชาวไทยค่าย YG ของเกาหลีใต้มาร่วมงานเคาท์ดาวน์ปีใหม่ 2022 ที่ จ.ภูเก็ต เพื่อทำการโปรโมท จังหวัดในฐานะเมืองท่องเที่ยวระดับโลก (World Class Destination)
โดยก่อนหน้านี้มีชาวเน็ตหลายๆ รายเข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอย่างเข้มข้น ถึงการดึงตัว ลิซ่า มาร่วมแผนโปรโมทในครั้งนี้ แม้กระทั่ง หมอเรวัต หรือ นายแพทย์เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) ได้ออกมาจวกรัฐบาลในครั้งนี้ ว่ารัฐบาลไทยเกาะชายกระโปรงลิซ่า แถมพ่วงประโยคเด็ดว่า "ประหยัดงบภาษีประชาชนที่จะนำไปจ้างลิซ่าไว้จะดีกว่า"
แม้กระแสดังกล่าวจะร้อนแรง แต่ดูเหมือนว่า แผนการจ้างลิซ่ามาโปรโมทที่ไทยนั้นอาจจะไม่ได้ล้มเลิกง่ายๆ เพราะล่าสุด นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เผยถึงงบประมาณรัฐบาลที่จะใช้เป็นค่าตัว ลิซ่า Blackpink ราว 200 ล้านบาท และ แอนเดรีย โบเซลลี นักร้องโอเปร่าชื่อดังระดับโลกชาวอิตาลี มาร่วมงานเฉลิมฉลองเคาท์ดาวน์ปีใหม่ในประเทศไทย
รมว.ท่องเที่ยวฯ ระบุว่า สำหรับ ลิซ่า Blackpink นั้นคาดว่าจะให้เข้ามาร่วมงานเคาท์ดาวน์ที่จะจัดขึ้นบนสะพานสารสิน จังหวัดภูเก็ต ขณะที่ แอนเดรีย โบเซลลี คาดว่า จะขออนุญาตจัดงานที่ท้องสนามหลวง เพื่อให้มีฉากหลังเป็นวัดพระแก้ว ซึ่งเบื้องต้นได้เจรจากับตัวแทนเอเจนซี่ในประเทศไทยเพื่อมอบหมายให้ไปเจรจากับตัวแทนศิลปินทั้งสองรายแล้ว
นายพิพัฒน์ แจกแจงรายละเอียดว่า รวมค่าตัวของ ลิซ่า และ โบเซลลี อยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งค่าตัวทั้งสองคนใกล้เคียงกัน แต่ โบเซลลีแพงกว่านิดหน่อย แต่หากรวมค่าออแกไนซ์เซอร์จัดงานทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 400 - 500 ล้านบาท ซึ่งอาจจะขอเบิกงบประมาณแผ่นดินเฉพาะค่าตัว ส่วนค่าจัดงานอื่นๆ คาดว่าน่าจะมีสปอนเซอร์
อย่างไรก็ตาม รมว.ท่องเที่ยวฯ ยังได้ระบุทิ้งท้ายอีกว่า การดึง ลิซ่า Blackpink มานั้นเป็นการนำเยาวชนให้เดินทางไปในทางที่ถูกต้อง ห่างไกลสิ่งไม่ดี รวมทั้งเป็นการฟื้นบรรยากาศในประเทศด้วยการจัดงานเคาท์ดาวน์ฉลองการเปิดประเทศในรอบ 2 ปี อีกทั้งยังรวมถึงเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวและแฟนคลับโดยเฉพาะประเทศในแถบอาเซียนด้วย
ภาพจาก Instagram lalalalisa_m และ เฟซบุ๊ก Andrea Bocelli