จับตา 20 เขื่อนใหญ่ รับน้ำเพิ่ม 14-17 ต.ค.นี้
"กอนช." เร่งบริหารจัดการ "น้ำท่วม" ใน จ.จันทบุรี โดยขณะนี้ระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว พร้อมสั่งประเมินอ่างฯ ขนาดใหญ่เสี่ยงน้ำล้น คาดฝนลงอ่างฯ 14-17 ต.ค. นี้
วันที่ 14 ตุลาคม 2564 นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะเลขานุการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยว่า กอนช. ได้ติดตามคาดการณ์สภาพอากาศ แนวโน้มของพายุ รวมถึงประเมินสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยข้อมูลการคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า พายุโซนร้อน “คมปาซุ” จะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในวันนี้ และจะอ่อนกำลังลง อย่างไรก็ตาม จะยังส่งผลให้พื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จ.มุกดาหาร นครพนม สกลนคร และบึงกาฬ มีฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง ในระหว่างวันที่ 14-16 ต.ค.64
ประกอบกับร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย จึงทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางแห่ง
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จึงได้มอบหมาย กอนช. ติดตาม เฝ้าระวัง และประเมินปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่คาดว่าจะได้รับอิทธิพลดังกล่าว โดยพบว่าในช่วงวันที่ 14-17 ต.ค.64 มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 20 แห่ง ที่ต้องเฝ้าระวังเสี่ยงน้ำล้น ดังนี้
*ภาคเหนือ ได้แก่ อ่างฯแม่มอก อ่างฯแควน้อยบำรุงแดน อ่างฯทับเสลา
*ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ อ่างฯอุบลรัตน์ อ่างฯจุฬาภรณ์ อ่างฯลำตะคอง อ่างฯลำพระเพลิง อ่างฯมูลบน อ่างฯลำแชะ อ่างฯลำนางรอง อ่างฯสิรินธร
* ภาคกลาง ได้แก่ อ่างฯป่าสักชลสิทธิ์ อ่างฯกระเสียว
* ภาคตะวันออก ได้แก่ อ่างฯขุนด่านปราการชล อ่างฯหนองปลาไหล อ่างฯนฤบดินทรจินดา
* ภาคตะวันตก ได้แก่ อ่างฯศรีนครินทร์ อ่างฯวชิราลงกรณ อ่างฯแก่งกระจาน อ่างฯปราณบุรี
กอนช. จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาวางแผนบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำและในลำน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อลดผลกระทบจากน้ำล้นอ่างเก็บน้ำท่วมพื้นที่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำให้น้อยที่สุด รวมทั้งประชาสัมพันธ์แจ้งประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงให้ทราบและเตรียมความพร้อมรับมือ ทั้งนี้ ตามประกาศ กอนช. ฉบับที่ 23/2564 เมื่อวันที่ 12 ต.ค.64 ที่ผ่านมา ซึ่งได้แจ้งเตือนเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลากในภาคตะวันออกและภาคใต้ กอนช. ได้มีการเฝ้าระวังสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยปัจจุบันมีสถานการณ์น้ำหลากในหลายพื้นที่ของ จ.จันทบุรี อันเกิดจากฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากการติดตามภาพรวมในปัจจุบัน ระดับน้ำเริ่มลดลงเนื่องจากการลดระดับของน้ำทะเล แต่ยังคงมีระดับน้ำท่วมขัง 10-20 ซม. ในขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำจันทบุรี ที่สะพานวัดจันทนาราม ต่ำกว่าจุดวิกฤติ โดยโครงการชลประทานจันทบุรีได้บริหารจัดการโดยผลักดันน้ำผ่านคลองภักดีรำไพอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อเร่งลดผลกระทบแก่พื้นที่ พร้อมกันนี้ กอนช. คาดการณ์ว่า ในวันนี้มวลน้ำจากตอนบนของลุ่มน้ำจะเคลื่อนผ่าน อ.เมืองจันทบุรี แต่จะไม่ส่งผลกระทบให้ระดับน้ำสูงขึ้นหรือล้นตลิ่ง โดยปัจจุบันสถานการณ์น้ำในพื้นที่ อ.เมืองจันทบุรี ต่ำกว่าระดับตลิ่ง 30 ซม. กอนช. จะยังคงติดตามปริมาณฝนในช่วง 1-2 วันนี้ต่อไป
นอกจากนี้ อิทธิพลพายุโซนร้อน “คมปาซุ” ยังส่งผลให้ฝนตกในพื้นที่เหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จึงมีการเพิ่มการระบายเพื่อเป็นการควบคุมระดับน้ำและปริมาณน้ำ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 2-2.5 ม. แต่ยังคงไม่ล้นตลิ่ง อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
“สำหรับสถานการณ์น้ำหลากที่ จ.จันทบุรี ในขณะนี้ กอนช. จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งบริหารจัดการน้ำ ให้ประชาชนพ้นจากความเดือดร้อนโดยเร็ว ตามข้อสั่งการของท่านรองนายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด ซึ่งปัจจุบันปริมาณน้ำได้เริ่มลดระดับลงแล้ว เช่นเดียวกับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำต่าง ๆ ณ ปัจจุบัน ซึ่งมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์บริเวณลุ่มน้ำชีและลุ่มน้ำมูลยังคงมีสถานีวัดน้ำที่ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่งหลายแห่ง จึงได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและพื้นที่ ให้มีการเฝ้าระวังจุดเสี่ยงและเร่งคลี่คลายสถานการณ์ ให้ประชาชนพ้นจากความเดือดร้อน ตามข้อสั่งการของท่านรองนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ปริมาณฝนจะเริ่มลดลงตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค. นี้ จากอิทธิพลของมวลอากาศเย็นจากประเทศจีน” รองเลขาธิการ สทนช. กล่าว