เน วัดดาว ฉะพี่ใหญ่แก๊งวัดม่วง เผยนิสัยเด็กวัดม่วจริงไม่ใช่แบบนี้
ความคืบหน้ากรณีของ บาสมือมีด หรือหนุ่มลุยเดี่ยว แทงคู่อริที่ยกพวก 6 คมมาล้อมหน้าบ้านดับ 2 ราย ล่าสุด เน วัดดาว ออกมาฉะพี่ใหญ่แก๊งวัดม่วง พร้อมเผยนิสัยเด็กวัดม่วจริงไม่ใช่แบบนี้
ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกรณี บาสมือมีด หรือ หนุ่มลุยเดี่ยว ที่มีเรื่องกับวัยรุ่นคู่อริ เด็กวัดม่วง หลังจากที่ญาติของ 4 โจ๋วัดม่วง ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวชั้นฝากขัง โดยศาลอาญาธนบุรี พิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ตีราคาประกันคนละ 150,000 บาท โดย ผู้ต้องหา ได้วางเงินสด 30,000 บาทประกันตัว พร้อมติดอุปกรณ์กำไล EM ซึ่งศาลพิจารณาอนุญาตให้ปล่อยตัว 4 โจ๋วัดม่วงเเล้ว
ทั้งนี้ในส่วนของ เน วัดดาว หรือ นายมครินทร์ พุ่มสะอาด ได้ฝากถึงลูกพี่ใหญ่เเก๊งเด็กวัดม่วง พร้อมเปิดใจถึงกรณีเหตุการณ์ 6 รุม 1 และมีการกล่าวอ้างถึงเด็กวัดม่วงว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองเพียงแค่เสพข่าวและติดตามความคืบหน้า ไม่ได้ลงไปสัมผัสหรืออยู่ในเหตุการณ์ด้วยตนเอง ไม่สามารถพูดอะไรได้มาก ตนเองไม่อยากลงไปยุ่งเรื่องของพวกเขา
เบื้องต้นส่วนตัวรู้จักกับเด็กวัดม่วง แต่จะเป็นรุ่นราวคราวเดียวกัน ซึ่งในยุคของเด็กรุ่นใหม่ ตนเองจะไม่ค่อยรู้จัก ยืนยันได้ว่านิสัยของเด็กวัดม่วงที่แท้จริงไม่ใช่คนแบบนี้ การที่ไปมีพฤติกรรมแสดงความรุนแรงหรือพากันยกพวกไปที่หน้าบ้านคนอื่น เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เหมือนเป็นการไปหาเรื่องคนอื่นถึงบ้าน
ตัวเองขอวิเคราะห์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ฐานะที่ติดตามข่าวเรื่องนี้ เป็นชนวนเหตุที่เกิดขึ้นจากเด็กเพียงแค่คนเดียว แต่บานปลายเพราะมีการไปฟ้องเพื่อนและรุ่นพี่ กระทั่งพากันยกพรรคพวกไปที่หน้าบ้านของนาย บาส ณัฐวุฒิ แล้วยังมีการใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพ มีการข่มขู่ จนทำให้นายบาสต้องตัดสินใจนำอาวุธมีดออกมาก่อเหตุตามที่ปรากฏเป็นข่าว ถ้าหากในวันดังกล่าวมีบุคคลที่มีอายุหรือวุฒิภาวะที่เพียงพอ เช่น นายนิด ก็ควรมีการห้ามปรามมากกว่าส่งเสริม หรือเห็นด้วยกับการกระทำของเด็ก ๆ แต่ตนเองก็ไม่ขอพาดพิง เพราะถือว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวในเวลานั้น
สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นบทเรียนให้กับรุ่นน้อง ถ้าหากมีความตั้งใจ หรือคิดอีกนิดก่อนที่จะฟ้องหรือพาพวกไปก่อเหตุ ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์ความสูญเสีย ทำให้เกิดเป็นตราบาปในใจ และจะต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตว่าพาเพื่อนไปตาย หรือแม้แต่บุคคลที่มีอายุมากกว่าหรือมีวุฒิภาวะที่สูงกว่า หากในวันนั้นมีการห้ามปรามและดูแลเด็ก ๆ เข้าไปเจรจาหรือพูดคุยกันด้วยดี มากกว่าการใช้ความรุนแรงหรือคำพูด ทุกอย่างก็จะไม่เกิดขึ้นในลักษณะนี้
เหตุการณ์นี้จะกลายเป็นบทเรียนสำคัญให้กับสังคม และกลุ่มวัยรุ่นจะต้องนำกลับมาคิด และการเกิดเหตุครั้งนี้ตนเองก็ไม่ใช่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพราะกลุ่มของ 6 คน ที่บุกไปถึงหน้าบ้าน ก็มีความผิดที่ไปหาเรื่องเขาถึงหน้าบ้าน
ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว อมรินทร์ทีวี
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews