เจ้าหน้าบุกผับดังย่านสุขุมวิท เปิดเย้ยโควิด รวบนักท่องเที่ยว 61 ราย
ตำรวจ สน.ทองหล่อ บุกสถานบันเทิงย่านสุขุมวิท ลักลอบเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปมั่วสุมกัน รวบตัวนักท่องเที่ยวได้ 61 ราย
วันนี้ 27 ตุลาคม 2564 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผบก.น.5 ได้รับรายงานผลการปฏิบัติที่น่าสนใจจาก พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.ทองหล่อ ว่า ตำรวจ สน.ทองหล่อ ทำการจับกุมสถานบันเทิงลักลอบเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปมั่วสุมกันสืบเนื่องจากตามนโยบายนายกรัฐมนตรี
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ที่ต้องการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้มีประสิทธิภาพนั้น จึงได้สั่งการให้ทุกพื้นที่กำชับกวดขันร้านอาหาร จำหน่ายเครื่องดื่ม สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ ในพื้นที่ให้เป็นไปตามกฏหมายโดยเคร่งครัดนั้น
โดยในวันที่ 24 ตุลาคม เวลา 22.50 น. ตำรวจ สน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งว่ามีการดื่มสุราส่งเสียงดังบริเวณบริเวณชั้น 2 สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ซอยสุขุมวิท 23 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯจากนั้นทางตำรวจ ฝ่ายป้องกันปราบปราม และสืบสวน สน.ทองหล่อ นำกำลังเข้าไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงพบนักท่องเที่ยวจำนวนมาก กำลังจับกลุ่มมั่วสุม เต้นรำกันอย่างสนุกสนานในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่โรค อยู่บริเวณชั้น 2 ของร้าน ทางตำรวจจึงสั่งการให้ปิดเพลง และเปิดไฟส่องสว่างก่อนทำการจับกุมนักท่องเที่ยวได้ จำนวน 61 ราย เป็นชาย 26 ราย เป็นหญิง 35 ราย อีกทั้งยังพบแก้วใส่ขวดเบียร์ และแก้วบรรจุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อยู่ตามโต๊ะของผู้มาใช้บริการ
ตลอดจนเมื่อทำการตรวจสอบใบเสร็จพบรายการอาหารระบุชื่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่เป็นไปตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และประกาศ กทม.ที่ เรื่องห้ามบริโภคสุรา หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำตัวผู้ถูกจับมายัง สน.ทองหล่อ
เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคในสถานที่แออัด ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ,ประกาศกรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 15 ต.ค. 64 และ ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามความในมาตรา 52 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews