ญาติโวยรพ. ให้ผู้ป่วยโควิดนอนรวมห้องผู้ป่วยธรรมดา ล่าสุด สธ.ชี้แจงแล้ว
ญาติโวยโรงพยาบาล ให้ผู้ป่วยโควิดนอนรวมห้องกับผู้ป่วยธรรมดา ล่าสุด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ชี้แจงแล้ว
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ญาติผู้ป่วยรายหนึ่งโวยโรงพยาบาลให้ผู้ป่วยโควิดมานอนรวมกับผู้ป่วยธรรมดา สุดเครียด ไปเฝ้าญาติแต่กลับได้ของแถม ด้าน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดรีบชี้แจงเผยเกิดความผิดพลาด และได้ส่งคนไปทำความเข้าใจกับญาติผู้ป่วยคนอื่นๆแล้ว
โดยตอนแรกเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 2 โพสต์เรื่องราว "ณ รพ.แห่งหนึ่งใน จ.เพชรบูรณ์ คัดกรอง คัดแยก ผู้ป่วยโควิดพลาด หรืออย่างไร"
โดยญาติผู้ป่วยได้โพสต์ขอความช่วยเหลือ ระบุ สวัสดีค่ะ หนูอยากขอความช่วยเหลือ คือหนูพาแม่มารักษาตัวใน รพ.แห่งหนึ่ง ด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือดจนใกล้หายดีและเกือบจะได้กลับบ้านแล้ว แต่จู่ๆคืนนึงมีการรับผู้ป่วยใหม่เข้ามากลางดึกด้วยอาการไอ ท้องเสีย หายใจเองลำบากต้องใส่ออกซิเจนช่วยตลอด เราก็ไม่คิดอะไรคิดว่ามีการผ่านมาตรการตรวจคัดกรองโควิดมาแล้ว เพราะแม่หนูมีอาการไอบ้างเล็กน้อยยังต้องตรวจก่อนเลย
จนผ่านไปสัก 2-3 ชม. มีการย้ายผู้ป่วยคนนี้ออกไปห้องแยก และมาแจ้งญาติกับผู้ป่วยทุกคนในห้องว่า เมียคนที่เพิ่งเข้ามาเป็นโควิด ขอให้ทุกคนอย่าเพิ่งไปไหน รอผลตรวจโควิดของผู้ป่วยคนเมื่อคืนออกก่อน ประเด็นคือ ลุงไม่ได้ใส่แมสก์เพราะต้องใส่ออกซิเจนและมีการไอค่อนข้างมากตลอดเวลาที่อยู่ในห้องพักรวม เตียงที่นอนถูกจัดเบียดชิดใกล้กันมากจนไม่นึกถึงความปลอดภัย และสุดท้ายผลตรวจของลุงออกมาเป็น+ พร้อมกับการเสียชีวิตของลุง
ลุงป่วยเป็นโควิดพวกเราทุกคนในห้องกลายเป็นคนที่มีความเสี่ยงสูงทันที ทั้งคนแก่ เด็กเล็ก
- คำถามคือเคสนี้ รพ.ปล่อยผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงขนาดนี้หลุดมาแบบนี้ได้ยังไง มาตรฐานการตรวจคัดกรองอยู่ตรงไหน
- หากมีอะไรรุนแรงมากกว่านี้ ใครเป็นคนรับผิดชอบ
- มีคำถามมากมายที่ไม่สามารถพิมหรืออธิบายออกมาได้ มันแน่น จุกจนพูดไม่ออก
เหตุการณ์นี้ไม่มีการขอโทดใดๆจากการผิดพลาดครั้งนี้ ได้แต่บอกให้พวกเรารอๆอย่างเดียว
ต่อจากนั้นมีรายงานความคืบหน้า ชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นหลังตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยนายแพทย์กมล กัญญาประสิทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ได้มีการสอบสวนกรณีดังกล่าวเบื้องต้นแล้ว ผู้ป่วยที่เขามารักษาเป็นชายอายุ 74 ปี เข้ามารับการรักษาด้วยอาการมะเร็งปอด โดยก่อนหน้านั้นมีการใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ที่บ้านและเมื่อคืนวันที่ 25 ต.ค. 64 ที่ผ่านมา มีรถนำมาส่งที่ห้องฉุกเฉิน เบื้องต้นได้ตรวจ ATK แล้วปรากฏว่าผลเป็นลบ จึงนำเข้าไปรับการรักษาที่ห้องผู้ป่วยใน ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปในหอผู้ป่วยในได้มีการสอบสวนโรคตามมาตรการทุกอย่าง
หลังจากนั้นประมาณเที่ยงคืนกว่า ๆ ภรรยาของผู้ป่วยได้เดินทางมาตรวจ เนื่องจากมีอาการคล้ายไข้หวัด เจ้าหน้าที่จึงสอบสวนในระบบการกรองผู้ป่วยและมีการตรวจ ATK ปรากฏว่าติดเชื้อโควิด ทางโรงพยาบาลจึงรีบแยกสามีของรายดังกล่าวออกมาจากหอผู้ป่วยในไปอยู่ห้องแยกโรคทันที จากนั้นได้ทำการตรวจด้วยแบบ RT-PCR ซึ่งก็ปรากฏผลยืนยันเป็นบวก
เบื้องต้นจากการสอบสวนโรคผู้ป่วยไม่ได้ให้ข้อมูลว่าได้สัมผัสบุคคลอื่นหรือที่มาจากพื้นที่เสี่ยง กระทั่งมาแจ้งภายหลังว่ามีลูกเขยกลับมาจากกรุงเทพ จึงสอบสวนโรคขาดข้อมูลนี้ไปหากผู้ป่วยให้ข้อมูลตั้งแต่ต้นก็จะทำให้เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลที่แท้จริงและนำไปสู่การคัดกรองที่เข้มข้นขึ้น จึงทำให้กลุ่มผู้ป่วยที่อยู่ในหอผู้ป่วยเดียวกันมีความเสี่ยงสูงต้องมีการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี ATK และทำการกักตัว ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความลำบากและไม่สะดวก ทางสาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ รวมทั้งจะได้แจ้งให้โรงพยาบาลชนแดนซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุได้เข้าไปทำความเข้าใจกับญาติผู้ป่วยรายดังกล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews