พระมหาไพรวัลย์ ฟาดเจ้าคุณพิพิธดูหนังเยอะ อย่าให้หมดความนับถือ
พระมหาไพรวัลย์ ฟาดเจ้าคุณพิพิธดูหนังเยอะไป อย่าให้หมดความนับถือ กรณีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพระมหาไพรวัลย์ ลาสึก
จากกรณีเจ้าคุณพิพิธออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพระมหาไพรวัลย์ ลาสึก หากเจ้าคุณอุทัยไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง โดยบอกว่าเป็นการไม่ถูกไม่ควร ล่าสุด พระมหาไพรวัลย์ออกมาโพสต์โต้แรง เผย เจ้าคุณพิพิธคงดูหนังเยอะไป ลั่นแรง อย่าให้หมดความนับถือ
โดยเจ้าคุณพิพิธเผยว่าหากพระมหาไพรวัลย์ ลาสึก เพราะเจ้าคุณอุทัยไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ก็น่าเสียดาย พุทธศาสนาต้องเสียบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถคนหนึ่งไป เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพราะการเผยแพร่ที่ไม่ได้ไปในทิศที่ไม่ถูกต้อง ไม่ควร ไม่อยู่ใน 4 สมณะ คือสมณสัญญา สมณสารูป สมณธรรม และสมณโวหาร การกระทำดังกล่าวไปกระทบกับการแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง
เจ้าคุณพิพิธ กล่าวว่า ท่านอาจจะลืมไปว่าทุกสิ่ง ทุกอย่างที่ท่านทำมันเกิดขึ้น เพราะตัวท่านเองทั้งนั้น พอเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ ท่านกลับบอกจะสึก นี่คือการต่อรองโดยการเอาตัวเองเข้าต่อรอง ต้องถามว่าเอาการสึกของตนเองไปต่อรองกับใคร ซึ่งการที่ต่อรองต้องดูด้วยว่าตัวเองมีคุณค่าพอไหม ที่ว่ามีคนดูหรือติดตามเป็นล้านคน อาจจะดูด้วยความตลกก็ได้ ดูด้วยความแปลกใหม่ หรือความบ้าๆ บอๆ ก็ได้ ทำให้คิดไปได้ว่าตัวเองสำคัญ ถ้าประกาศสึกไปคงมีคนมาช่วย แต่บอกไว้เลยไม่มีคนมาช่วยหรอก ในโลกใบนี้ ให้จำไว้ไม่มีใครช่วยได้อย่างแท้จริง เปรียบเหมือนผลไม้ตก ไม่มีใครเขาช่วย หรือเก็บหรอก เพราะเขาคิดว่าผลไม้เสีย
จากนั้น พระมหาไพรวัลย์ ออกมาโพสต์โต้กลับเจ้าคุณพิพิธ ระบุ ถ้าผมจะลาสิกขา คือผมลาด้วยตัวผมเองครับ และทุกเรื่องที่ผมพูด ผมพูดเพราะมันคือความสัตย์ คือสิ่งที่ควรพูด ควรทวงถาม ไม่เกี่ยวกับว่า ผมกำลังสำคัญตัวอะไร
ผมไม่ใช่พวกเล่นละครเก่งนะครับ เวลาโทรมาคุย คุยอีกแบบหนึ่ง เวลาอยู่หน้าสื่อ พูดอีกแบบหนึ่ง พูดแบบนางเอกละครหลังข่าว พูดแบบไม่ต้องใช้ความกล้าหาญอะไร ใครก็พูดได้ครับ ผมก็พูดได้ ถ้าจะพูด
ผมว่าอาจารย์ดูหนังจีนเยอะไปนะครับ พูดเรื่องการศึกสงคราม เรื่องการต่อรองอะไรเนี่ย ความยุติธรรม ความเป็นธรรม เป็นเรื่องของการต้องต่อรองตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ หรือผมเข้าใจผิดมาโดยตลอด ผมนึกว่า เรื่องความเป็นธรรม เป็นเรื่องของการต้องส่งเสียงเรียกร้อง
อาจารย์กำลังทำให้คณะสงฆ์ดูแย่ไปอีกนะครับ จะโดยรู้ตัวหรือไม่ พูดเหมือนคณะสงฆ์ไม่ต่างจากเกมส์การเมืองของพวกฆราวาสเลย
ผมรักการพระศาสนา รักคณะสงฆ์ และลึกๆ ก็เคารพนับถือพระผู้ใหญ่ (เหมือนที่ผมเคยเคารพนับถืออาจารย์นั่นแหล่ะครับ) ผมจึงพูดอะไรอย่างตรงไปตรงมา ในฐานะของกัลยาณมิตร ของคนรุ่นใหม่ ของลูกของหลาน
ผมเจียมตัวเสมอครับ และพูดคิดอะไร คือไตร่ตรองดีแล้ว หลายครั้งหลายหนเหลือเกินที่ผมเลือกจะไม่โต้อาจารย์เพราะยังเห็นแก่ความเคารพนับถือ ครั้งก่อนก็เรื่องความไม่ก้าวหน้า ไม่มีอนาคต ทำไมอาจารย์ถึงมองว่า อนาคตของอาจารย์กับอนาคตของผม คืออนาคตเดียวกันละครับ ผมเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงแบบที่อาจารย์คิดตอนไหน
อาจารย์เองก็โดนเยอะนะครับ ทั้งเรื่องสำนักงานตัวเองที่โดนเวียนคืน ทั้งเรื่องการเขียนกลอน เมื่อครั้งก่อน เรื่องพวกนี้ไม่ทำให้อาจารย์เห็นสัจธรรมอะไรเลยหรอครับ
ขอประทานโทษเถอะครับ อย่าทำให้ผมหมดความนับถือเลย
นอกจากนี้ยังได้โพสต์ต่อว่า "ทำไมถึงคิดว่า การเป็นผู้ใหญ่แล้วคือสามารถใช้คำพูดดูถูกคนรุ่นลูกรุ่นหลานยังไงก็ได้" และ "ไม่อยากเชื่อว่า คนแบบเจ้าคุณพิพิธจะคิดหรือมองอะไรได้แค่นี้ น่าเสียดาย"
ขอบคุณ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ