เปิดคลิปนาที น้ำหนุน นนทบุรี ชาวบ้าน ต่างวิ่งหนีจ้าหละหวั่นคนละทิศละทาง
เปิดคลิปนาที น้ำหนุน นนทบุรี ชาวบ้านพาลูกหลานมาเดินเล่นต่างวิ่งหนีจ้าหละหวั่นคนละทิศละทาง เกิดน้ำท่วมกะทันหัน
จากที่ชาวบ้านในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลจะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์น้ำหนุนอย่างไม่ทันตั้งตัว ซึ่งทำให้หลายๆ พื้นที่ที่อยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยาเกิดน้ำท่วมกะทันหัน ชาวบ้านหลายครัวเรือนเดือดร้อน เนื่องจากไม่มีสัญญาณเตือนมาก่อน โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องระบุว่า ไม่คิดว่าสถานการณ์จะแย่ขนาดนี้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวชื่อดังได้โพสต์คลิปนาทีที่ น้ำหนุนในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี พร้อมทั้งระบุข้อความว่า "น้ำหนุน นนทบุรี ขนาดนี้เลยครับ … น้ำกำลังหนุนขึ้น ขณะมีประชาชนอยู่ในบริเวณดังกล่าว และเมื่อน้ำหลากขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้น ต้องรีบวิ่งหนีเอาตัวรอด นอกจากนี้กระสอบทรายที่กั้นแม่น้ำไว้ก็พังจนทำให้น้ำไหลเข้าท่วม บริเวณวัดเขมาภิรตารามด้วย"
ในคลิปจะสังเกตเห็นได้ว่า ชาวบ้านได้พาลูกๆ หลานๆ มาเดินเล่นในบริเวณดังกล่าวอย่างชิลล์ๆ สบายอารมาณ์ ก่อนที่จะเกิดปรากฏการณ์น้ำหนุนนนทบุรีจะซัดน้ำหลากเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวกลายเป็นคลองน้ำหลากไหลเชี่ยว ชาวบ้านตั้งสติได้จึงรีบวิ่งหนีเอาตัวรอดกันจ้าหละหวั่น
ล่าสุด สภาวิศวกร จะมีการลงพื้นที่บริเวณสะพานซังฮี้ เพื่อสำรวจและหาแนวทางป้องกันน้ำทะเลหนุน หลังจากเมื่อวานที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์น้ำทะเลหนุนสูงกว่า 2.40 เมตร จนส่งผลกระทบกับประชาชน ทั้งในส่วนของบ้านเรือนและการสัญจร
โดยบริเวณสะพานกรุงธน หรือ สะพานซังฮี้ เขตบางพลัด กทม. ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุนแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้เอ่อท่วมพื้นผิวการจราจร ถ.ราชวิถี และชุมชนแนวแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยเฉพาะชุมชนวัดภคินีนาถ วรวิหาร ส่งผลให้การจราจรไม่สามารถสัญจรได้ เพราะน้ำท่วมสูง
ซึ่งล่าสุดวันนี้ทางกรุงเทพมหานคร และกรมเจ้าท่า ได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือ เสริมแนวกระสอบทรายตรงเขื่อนกั้นน้ำตรงท่าเรือสะพานซังฮี้ และสำนักระบายน้ำ กรุงเทพมหานครก็ติดตั้งเครื่องสูบน้ำไว้รับมือ
ขณะเดียวกันก็มีตำรวจจราจรของ สน.บางพลัด และจราจรโครงการพระราชดำริ บก.จร. มาคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ซึ่งปริมาณรถเริ่มหนาแน่นตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 07.20 น. ส่วนน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไม่ถึงแนวสันเขื่อนกั้นน้ำ โดยวันนี้กรมอุทกศาสตร์ ระบุว่า น้ำจะขึ้นเต็มที่เวลา 09.30 น. สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง 1.56 เมตร
ด้าน นางปฏิญญา ศิรีสำมาชีพ ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เล่าว่าเมื่อวันที่8 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา น้ำขึ้นมาเร็วมาก โดยผุดขึ้นตามท่อระบายน้ำเวลาประมาณ 09.45 น. ขณะเดียวกันแนวกระสอบทรายตรงสันเขื่อนบริเวณท่าน้ำสะพานซังนี้ที่ทำไว้ตั้งแต่ปี 54 ก็ชำรุด
พอน้ำขึ้นสูงก็ทำให้เซาะแล้วน้ำทะลักท่วม โดยที่ผ่านมาไม่มีการแจ้งเตือนจากสำนักงานเขต ว่าจะมีน้ำทะเลหนุนสูงให้ระวังและเตรียมรับมือ ทำให้ชาวบ้านตั้งตัวไม่ทัน ส่วนการเสริมแนวกระสอบทรายตรงสันเขื่อนท่าน้ำสะพานซังฮี้ ทางกรุงเทพมหานครเพิ่งจะนำมาเสริมใหม่เมื่อคืนที่ผ่านมา
ขณะนี้ชาวบ้านในชุมชนยังคงหวาดผวา และเป็นกังวลกับน้ำหนุนสูง ต่างเฝ้าระวังและเก็บของขึ้นที่สูง โดยมีการคาดการณ์ว่าน้ำอาจจะมาเวลาไล่เลี่ยกับเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 64 ขณะเดียวกันวันนี้ สภาวิศวกร จะมีการลงพื้นที่บริเวณสะพานซังฮี้ เพื่อสำรวจและหาแนวทางป้องกันน้ำทะเลหนุน หลังจากเมื่อวานที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์น้ำทะเลหนุนสูงกว่า 2.40 เมตร จนส่งผลกระทบกับประชาชน ทั้งในส่วนของบ้านเรือนและการสัญจร
ขณะเดียวกัน ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร และอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ลงพื้นที่มายังบริเวณสะพานกรุงธน เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำหนุนในแม่น้ำเจ้าพระยา รวมไปถึงหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำหนุน จนส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนของประชาชนและการสัญจรอย่างหนักเมื่อวันที่ 8 พ.ย.64 ที่ผ่านมา
นายกสภาวิศวกร เปิดเผยว่า เหตุการณ์น้ำทะเลหนุนเป็นเรื่องที่กรุงเทพฯ สามารถที่จะป้องกันได้แต่เนิ่นๆ เพราะน้ำทะเลหนุนจะเริ่มจากในพื้นที่ของจังหวัดสมุทรปราการก่อน ทำให้กรุงเทพฯมีเวลาเตรียมตัว หรือแจ้งเตือนประชาชน นอกจากนี้น้ำทะเลหนุนในปัจจุบันแตกต่างจากในอดีต เพราะมีระดับสูงเพิ่มมากขึ้น
เช่นเดียวกับน้ำเหนือที่สูงเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้พื้นที่กรุงเทพฯ มีระดับน้ำที่สูงกว่าในอดีต ซึ่งอาจสูงสุดถึง 3 เมตรในปัจจุบัน และประเด็นสุดท้ายคือเขื่อนกั้นน้ำ ที่ยังคงมีจุดฟันหลอ ทำให้ไม่ว่าจะสร้างเขื่อนกั้นน้ำสูงเพียงใดหรือป้องกันหนาแน่นขนาดไหน แต่ถ้าหากยังมีจุดฟันหลอ ก็อาจทำให้น้ำเข้าท่วมพื้นที่ได้เช่นเดิม
คลิปจาก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว