เจ้าของบ้านยืนกราน ไม่ยอมขายที่กว่า 10 ปี หลังรัฐขอซื้อ สุดท้ายหมดทางเลือก
เจ้าของที่ดินชาวจีนคนหนึ่งปฏิเสธที่จะรับค่าชดเชยเวนคืนที่ดินจากรัฐบาล ทำให้บ้านของเธอต้องตั้งอยู่โดดเดี่ยวในปล่องตรงกลางระหว่างถนนมอเตอร์เวย์ 4 เลน เพราะรัฐไม่มีทางเลือก
เรียกได้ว่าการจะขายที่ดินหรือไม่ถือเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของเจ้าของที่ดิน แต่ในบางกรณีเมื่อเจ้าของไม่ยอมขายก็ทำให้เกิดภาพแปลกประหลาดแบบนี้ขึ้น เมื่อเจ้าของที่ดินชาวจีนคนหนึ่งปฏิเสธที่จะรับค่าชดเชยเวนคืนที่ดินจากรัฐบาล ทำให้บ้านของเธอต้องตั้งอยู่โดดเดี่ยวในปล่องตรงกลางระหว่างถนนมอเตอร์เวย์ 4 เลน
โดยเจ้าของบ้านชั้นเดียวบนเนื้อที่ 40 ตร.ม. อ้างว่า สาเหตุที่ไม่ยอมขายเป็นเพราะทางรัฐบาลไม่สามารถหาที่อยู่แห่งใหม่ที่เหมาะสมให้เธอได้ โดยรัฐบาลได้จัดหาที่พักใหม่ให้เธอเป็นแฟลตใกล้กับโรงเก็บศพ ซึ่งเธอรับไม่ได้ แต่เธอก็เป็นคนเดียวจากเจ้าของบ้าน 47 หลังกับบริษัท 7 แห่งที่ยังอยู่ ส่วนเจ้าของที่ดินคนอื่นรับข้อเสนอรัฐบาลและย้ายออกไปกันหมดเมื่อกันยายนปีที่แล้ว
“คุณอาจคิดว่าสภาพแวดล้อมไม่ดีเลย แต่ฉันรู้สึกว่ามันสงบเงียบดี เป็นอิสระ น่าพอใจและสะดวกสบาย” นางเหลียงกล่าวและบอกด้วยว่า ไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไรกับความดื้อดึงของเธอ
ด้านสื่อฮ่องกง รายงานว่า รัฐบาลยื่นข้อเสนอให้แก่เหลียงหลายครั้ง แต่เธอปฏิเสธหมด หนึ่งในข้อเสนอแบบใจดีที่สุดรวมถึงอพารต์เมนต์ 2 ห้อง บวกเงินชดเชยอีก 1.3 ล้านหยวน ( 5.83 ล้านบาท ) แต่มีรายงานว่าเธอต้องการอพาร์ตเมนต์ 4 ห้องกับเงินชดเชย 2 ล้านหยวน (8.7 ล้านบาท)
ทั้งนี้ เมื่อทำความตกลงกับเจ้าของบ้านรายนี้ไม่ได้ รัฐบาลก็ไม่มีทางเลือกนอกจากปรับแบบก่อสร้างดั้งเดิมเป็นการสร้างแยกสองเลนล้อมบ้านหลังนี้ ซึ่งต่อมากลายเป็นประเด็นถกเถียงในโลกออนไลน์ แต่ชาวโซเชียลจีนส่วนใหญ่กล่าวหาว่าเจ้าของบ้านโลภเกินไป เจ้าของบ้านคนอื่นๆ ต่างก็รับค่าชดเชยกันหมด แต่เธอคงคิดว่าบังคับรัฐบาลได้ บ้างเตือนว่า โลภเกินไปสุดท้ายจะไม่ได้อะไรเลย