เสี่ยโจ้ ปัตตานี เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อนข้ามชาติ หนีไปกัมพูชาแล้ว
"เสี่ยโจ้ ปัตตานี" เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อนข้ามชาติและผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน หนีไปกัมพูชาแล้ว คาดหนีไปหาภรรยาชาวกัมพูชา
สืบเนื่องมาจากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง จับเสี่ยโจ้เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อนข้ามชาติ ตรวจสอบพบมีประวัติถูกดำเนินคดีกว่า 10 คดี โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ ที่ย่านห้วยขวาง ระหว่างหลบหนีคดี จากนั้นในเวลาต่อมา ทางเสี่ยโจ้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไปหลังจากที่ยื่นประกันตัวที่ศาลจังหวัดสงขลา โดยตำรวจไม่ได้อายัดตัวไว้ดำเนินคดีต่อ
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 พ.ย.64 ที่ผ่านมา พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงผลการจับกุมเสี่ยโจ้ ปัตตานี หรือ นายสหชัย เจียรเสริมสิน ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินค้าน้ำมันเถื่อน สืบเนื่องจาก เมื่อปี 2555 เจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน.ได้จับกุมเสี่ยโจ้ ที่จังหวัดปัตตานี พร้อมกับยึดของกลาง เป็นเงินสด 46 ล้านบาท , น้ำมัน 2000 ลิตร
แต่ไปพบหลักฐานการซื้อขายน้ำมันเถื่อน 500 ล้านลิตร และบัญชีจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน จึงดำเนินคดีเรื่องการค้าน้ำมันเถื่อน จากนั้นก็ได้ดำเนินคดีเพิ่มเติม ในความผิด พ.ร.บ.ฟอกเงิน เนื่องจากการค้าน้ำมันเถื่อน เข้าข่ายความผิดมูลฐาน ซึ่งได้ออกหมายจับเสี่ยโจ้ในเวลาต่อมา
-ด่วน สั่งฟ้อง ผกก.โจ้และพวกแล้ว โทษสูงสุดประหารสถานเดียว
-ชี้แจงเเล้ว ดราม่ารับสมัครครู เงินเดือน 6,500
-เมียผู้ใหญ่บ้าน เขียนป้ายปิดถนน ตากข้าวเปลือก ไม่มีรถคันไหนเข้า-ออกได้
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเสี่ยโจ้ นั้น ล่าสุด ในวันที่ 15 พ.ย.64 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ยังได้กล่าวถึงกรณี นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ เสี่ยโจ้ ปัตตานี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงินและค้าน้ำมันเถื่อน ที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไปหลังจากที่ยื่นประกันตัวที่ศาลจังหวัดสงขลา แต่ภายหลังพบว่ามีหมายจับในคดีอื่นที่จังหวัดปัตตานี
โดยตำรวจไม่ได้อายัดตัวไว้ดำเนินคดีต่อ เนื่องจากไม่พบหมายจับในระบบว่า ตอนจับกุมผู้ต้องหาตำรวจได้ดำเนินการอย่างเต็มที่แล้ว แต่เมื่อไม่พบหมายจับในระบบก็จำเป็นต้องปล่อยตัวไปตามสิทธิ์ของผู้ต้องหา
หลังจากได้หมายจับมาแล้ว พนักงานสอบสวนก็ขอหมายค้นบ้านจากศาลอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบตัว และเชื่อว่าหลบหนีไปกัมพูชาแล้ว ส่วนหนังสือเดินทางของประเทศกัมพูชา เป็นของจริง เนื่องจากเสี่ยโจ้ มีภรรยาชาวกัมพูชาอยู่ด้วย ขณะนี้ได้ส่งเรื่องให้สถานทูตตรวจสอบควบคู่กันไปด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews