เจอแล้วร่างหญิง รถปริศนาจอดบนสะพานคลองพระองค์เจ้าฯ ทิ้งลูกนอนอยู่คนเดียว

จากที่ก่อนหน้านี้ เพจ FM91 Trafficpro ได้รายงานข่าวที่สร้างความตกใจว่า เจ้าหน้าที่พบ รถเก๋งฟอร์ด จอดอยู่ถนนมอเตอร์เวย์ ขาออก กม.28+900 กลางสะพานคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต แต่ไม่พบผู้ขับขี่ มีเพียงเด็กน้อย อายุประมาณ 3 - 4 ขวบนอนหลับภายในรถ

ในวันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วคาดว่าคนขับเป็นหญิง อาจจะกระโดดสะพานลงคลองไปแล้ว ซึ่ง ร.ต.อ.รัศมี คำศรีแก้ว รอง สว. ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. ได้เพิ่มเติมความคืบหน้าว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณดังกล่าว พบรถนั่งส่วนบุคคล ฟอร์ด สีเทา ทะเบียน กทม. จอดอยู่ข้างทางไม่พบผู้ขับขี่ มีเพียงเด็กผู้หญิง นอนหลับอยู่ที่เบาะข้างคนขับ ตรวจสอบภายในพบโทรศัพท์มือถือ และกระเป๋าสตางค์แบบผู้หญิง มีเงินสด และเอกสารสำคัญ ที่ระบุชื่อ น.ส.ณิชา อายุ 34 ปี

จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำ ลงตรวจสอบภายในคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ยังไม่พบร่างของบุคคลดังกล่าว จึงได้ยุติการค้นหา ขณะที่ญาติซึ่งเป็นมารดาของบุคคลที่หายไป ได้เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวญาติ, เด็กผู้หญิง และรถยนต์คันดังกล่าวไปที่ สภ.บางบ่อ เพื่อดำเนินการสอบถามเพื่อหาสาเหตุ

 

• รถปริศนาจอดบนสะพานคลองพระองค์เจ้าฯ ภายในพบเด็กน้อยนอนอยู่คนเดียว
• หนุ่มใหญ่หึงโหด ลั่นไก นศ.สาว ปี 4 ดับสลด หลังจับได้ว่าคบซ้อน
• บริษัทประกัน แจงแล้ว หลังแม่ร้องทุกข์เบนซ์ชนลูกดับ แต่โดนเบี้ยว  2.5 ล้าน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2564 มีรายงานข่าวว่าเจอร่างสาวกระโดดสะพานแล้ว โดยลอยไปไกลกว่า 5 กิโลเมตร

เมื่อเวลา 22.30น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบ่อ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพหญิงสาวเสียชีวิตลอยอึดอยู่ในน้ำคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต มาติดกอผักตบชวาลอยมาติดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง

จากการตรวจสอบตามร่างกายไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นศพของนางสาวนิชา ที่กระโดดน้ำลงมาจากสะพานข้ามคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ถนนมอเตอร์เวร์สาย 7 ทิ้งลูกไว้ในรถคนเดียว เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมาจึงได้โทรศัพท์ไปสอบถามผู้เป็นแม่นางสาวนิชา เกี่ยวกับการแต่งกายที่เห็นวันสุดท้ายก่อนที่จะมาก่อเหตุกระโดดสะพาน พบว่าเป็นตรงกับที่ศพสวมใส่อยู่ จึงมั่นใจว่าศพของหญิงสาวคนดังกล่าวคือ น.ส.นิชาจริงจึงได้มอบศพให้มูลนิธินำส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลรามาสมุทรปราการต่อไป

 

ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews