เช็คเลย ประกันราคาข้าว เคาะแล้วงวด 7 ชนิดไหนได้เงินสูงสุด ปี 64/65
อัปเดต "โครงการประกันรายได้ข้าว" ประกันราคาข้าวปี 64/ 65 "เงินช่วยเหลือชาวนา" ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 ซึ่งมีการเคาะราคาส่วนต่างมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ถึงงวดที่ 7 สำหรับกลุ่มเกษตรกร ที่แจ้งเก็บเกี่ยว วันที่ 19 - 25 พฤศจิกายน 2564
ล่าสุด (26 พ.ย.2564) กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ มีการเคาะราคาประกันข้าว 5 ชนิด ตามปกติ ทุก 7 วัน ไว้เป็นราคาอ้างอิงในการจ่ายเงินชดเชย ในงวดที่ 7 สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวแจ้งเก็บเกี่ยวข้าว วันที่ 19-25 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งก็เป็นไปตามเกณฑ์ที่รัฐบาลประกันในข้าว 5 ชนิด
สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวก่อนวันที่ 19 พฤศิจกายน 2564 จะใช้ราคาเฉลี่ยย้อนหลังระหว่างวันที่ 12-18 พฤศจิกายน 2564 โดยได้ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง และชดเชยส่วนต่างข้าวแต่ละชนิด ณ ความชื้นไม่เกิน 15% ดังนี้
- ข้าวเปลือกหอมมะลิ ชดเชยตันละ 3,910.24 บาท
- ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ชดเชยตันละ 3,355.56 บาท
- ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ชดเชยตันละ 1,425.75 บาท
- ข้าวเปลือกเจ้า ชดเชยตันละ 2,096.81 บาท
- ข้าวเปลือกเหนียว ชดเชยตันละ 3,816.76 บาท
ราคา "ประกันรายได้ข้าว" ปี 3
- ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันรายได้ 15,000 บาท/ตัน จำนวนครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน
- ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันรายได้ 14,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
- ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันรายได้ไม่เกิน 10,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน
- ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันรายได้ไม่เกิน 11,000 บาท/ตัน ครัวเรือนไม่เกิน 25 ตัน
- ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันรายได้ไม่เกิน 12,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
สำหรับเกษตรกรที่ยังไม่ได้เงินตาม "โครงการประกันรายได้เกษตรกร" ประมาณ 7.6 หมื่นล้านบาท ต้องติดตาม ซึ่งจะนำเข้าพิจารณาใน ครม.วันที่ 30 พ.ย.2564 เพื่อให้กระทรวงการคลัง ดำเนินการไฟเขียวให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.โอนเงินให้เกษตรกร ซึ่งคาดว่า เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับ ธ.ก.ส. แล้ว จะได้เงินภายในเดือน ธ.ค.2564 นี้แน่นอน
อย่างไรก็ตาม เกษตรกร สามารถตรวจสอบเงินประกันรายได้เกษตรกรผ่าน chongkho.inbaac.com ที่เมนู “ตรวจสอบผลการรับการสนับสนุนตามโครงการรัฐ” ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เงินเข้าเมื่อไร รับทราบทันที
วิธีตรวจสอบสถานะโอนเงินเยียวยาเข้าบัญชี
ธนาคารจึงขอความร่วมมือลูกค้าผู้มาใช้บริการในสถานการณ์ที่มีการเฝ้าระวัง การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรน่า (COVID-19) ดังนี้
1. ลูกค้าที่ไม่ประสงค์ถอนเงิน แต่ประสงค์ทราบยอดการโอนเงินสามารถตรวจสอบได้ที่ตู้ปรับสมุดบัญชีของธนาคารหรือแอปพลิเคชั่น A-Mo bile หรือ บริการแจ้งเตือน SMS
2. ลูกค้าที่มีบัตร ATM สามารถถอนเงินผ่านตู้ ATM ทุกธนาคารได้ตลอดเวลา
3. ลูกค้าที่ไม่มีบัตร ATM และมีความประสงค์จะถอนเงินผ่านหน้าเคาน์เตอร์ของธนาคาร ให้มาถอนเงินตามแผนการจ่ายเงินที่กำหนดเพื่อปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมโดยเคร่งครัด