ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เผยข้อมูลอันตราย "โอไมครอน" กลายพันธุ์ไร้ขีดจำกัด
เพจราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดข้อมูลโควิด โอไมครอน (Omicron) สร้างความกังวลใจแก่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกอย่างมาก มีการกลายพันธุ์ถึง 32 ครั้งในโปรตีนส่วนหนาม
วันที่ 29 พ.ย. เพจ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ Chulabhorn Royal Academy ได้เผยข้อมูลเกี่ยวกับ โควิดสายพันธุ์ใหม่ โอไมครอน (Omicron)โดยระบุข้อความว่า... "โอไมครอน เชื้อร้ายกลายพันธุ์ไร้ขีดจำกัด Ho!Ho!Ho! OMICRON is Coming to Town การปรากฏตัวของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ โอไมครอน (Omicron) หรือ “B.1.1.529” สร้างความกังวลให้กับเหล่านักวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก เนื่องจากเจ้าไวรัสตัวใหม่นี้มีการกลายพันธุ์ถึง 32 ครั้งในโปรตีนส่วนหนามซึ่งอาจส่งผลให้เชื้อสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าเดิม ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น แพร่กระจายได้เร็วกว่าและเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนหรือยังไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น
ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อโอไมครอน 107 รายใน 4 ประเทศ โดยพบที่ประเทศแอฟริกาใต้ 100 ราย บอสวานา 4 ราย ฮ่องกง 2 ราย และอิสราเอล 1 ราย มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้องค์การอนามัยโลกเพิ่มเชื้อโอไมครอนเป็นเชื้อตัวที่ 5 ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่ากังวลเทียบเท่าอัลฟา แกมมา เดลตาและเบตา เนื่องจากลักษณะการกลายพันธุ์ที่น่ากลัวแบบนี้ยังไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยเฉพาะการกลายพันธุ์ในโปรตีนส่วนหนาม
ดร.ทอม พีค็อก (Tom Peacock) นักไวรัสวิทยาแห่งอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอนกล่าวว่า เชื้อตัวนี้มีการกลายพันธุ์ของโปรตีนส่วนหนามมากอย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งกว่านั้น ยังมีการกลายพันธุ์ที่เอนไซม์ที่ทำหน้าที่ตัดทะลวงเข้าเซลล์เพื่อทำให้ติดเชื้อ (Furin Cleavage Site) ถึง 2 จุด คือจุด P681H แบบที่พบในสายพันธุ์อัลฟา มิว แกมมาและ B.1.1.318 และจุด N679K เหมือน C.1.2 ไวรัสกลายพันธุ์ในแอฟริกา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่พบการกลายพันธุ์ 2 จุดในเชื้อตัวเดียว สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังในตอนนี้ก็คือเชื้อตัวใหม่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้างหรือจะเป็นแค่คลัสเตอร์ในวงจำกัด
ศ.ระวี คุปตะ (Ravi Gupta) นักจุลชีววิทยาทางคลินิกแห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์พบว่า การกลายพันธุ์ที่พบในเชื้อ B.1.1.529 ทำให้ติดเชื้อง่ายขึ้นและหลบหลีกแอนติบอดีได้ดียิ่งขึ้นและสิ่งที่น่ากังวลก็คือ เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าไวรัสที่พบใหม่นี้จะติดเชื้อได้ง่ายขนาดไหนหรือแบบเดียวกับเดลต้าหรือเปล่า ในขณะที่ศ.ฟรังซัวส์ บัลยูซ์ (Francois Balloux) ผู้อำนวยการแห่งศูนย์พันธุศาสตร์ UCL กล่าวว่า เชื้อตัวนี้อาจจะเกิดการกลายพันธุ์ซ้ำซ้อนระหว่างการติดเชื้อเรื้อรังในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่นผู้ป่วยเอชไอวีที่ไม่ได้รับการรักษา
ไม่ว่าเชื้อไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 จะกลายพันธุ์กี่ครั้ง หรือตัวล่าสุดนี้จะทำให้เกิดการระบาดรุนแรงกว่าเดิมหรือไม่ สิ่งที่ยังคงต้องดำเนินการต่อไปคือการกระจายวัคซีนทั้งปฐมภูมิและกระตุ้นภูมิให้ครอบคลุมและรวดเร็ว เพื่อให้ทุกคนมีระดับภูมิคุ้มกันในตัวที่พอดี ทั่วทั้งประเทศและทั่วทุกประเทศ มิฉะนั้น เจ้าเชื้อไวรัสก็จะสามารถแอบไปกลายพันธุ์ในกลุ่มประชากรที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือไม่มีภูมิคุ้มกันต่อไป"