"ไพศาล" เปิดความลับ "ทักษิณ" ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ
นายไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษาพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุถึงกรณี เหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ
จากกรณี นายไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษาพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุถึงกรณี เหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ นาย"ไพศาล พืชมงคล" ระบุว่า
ทักษิณไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์กรือเซะ!!!
นักการเมืองมุสลิมทางใต้มาหารือ เกี่ยวกับการย้ายพรรคไปอยู่พรรคเพื่อไทย แต่ติดขัดด้วยพี่น้องมุสลิมภาคใต้ยังติดใจกรณีสังหารที่กรือเซะ
จึงบอกท่านว่าเป็นความเข้าใจผิด คุณทักษิณไม่ได้เกี่ยวข้องเรื่องเหตุการณ์สังหารที่กรือเซะเลย แถมไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำไป
จึงถือโอกาสเล่าเหตุการณ์กรือเซะให้ฟังว่า
1. เหตุการณ์กรือเซะเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากกรณีที่ผู้ก่อความไม่สงบระดมกำลังระดับ 2 กองพัน เคลื่อนมาตามถนนสายหลักและแยกเข้าโจมตีสถานีตำรวจ สถานที่ราชการ และฐานปฏิบัติการของฝ่ายรัฐบาลหลายจุดพร้อมกัน แต่ถอนกำลังกลับไม่ทัน บางส่วนถูกกองกำลังของรัฐบาลล้อมไว้ที่บริเวณมัสยิดกรือเซะ และผู้ก่อความไม่สงบหลบเข้าไปอยู่ในมัสยิดนั้น
2.ครั้งนั้นลุงจิ๋วเป็นรองนายกฝ่ายความมั่นคงจึงเป็นผู้อำนวยการสถานการณ์ และได้มอบให้พลเอก พัลลภ ปิ่นมณี ซึ่งรับผิดชอบ กอ.รมน. เป็นผู้บัญชาการสถานการณ์ โดยพลเอก พัลลภ ปิ่นมณี ลงไปบัญชาการด้วยตนเองตั้งแต่เช้าตรู่
ทั้งสองฝ่ายตรึงกำลังกันโดยฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบเข้าไปตั้งมั่นอยู่ในมัสยิด ในขณะที่กองกำลังรัฐบาลล้อมอยู่โดยรอบ โดยมีประชาชนมุงดูเต็มไปหมด
3. ลุงจิ๋วมอบนโยบายให้หาทางปรองดองโดยการเจรจากัน ถึงขนาดสั่งการว่าถ้าผู้ก่อความไม่สงบในมัสยิดหิวน้ำก็ให้ส่งน้ำไปให้ หิวข้าวก็ให้ส่งข้าวไปให้ ต้องการพบพ่อแม่ญาติพี่น้องก็ให้ช่วยตามไปพบ และให้อำนวยความสะดวกทุกอย่าง เพียงขอให้เจรจาและมอบตัวเพื่อปรองดองกันต่อไป ซึ่งเป็นวิธีการที่ลุงจิ๋วแกถนัด
4. พลเอก พัลลภ ปิ่นมณี ผู้บัญชาการสถานการณ์ก็ปฏิบัติตามนโยบายนั้นอย่างเต็มที่ สร้างความชื่นอกชื่นใจให้แก่ประชาชน แม้สื่อต่างประเทศที่ไปทำข่าวก็ชื่นชมเป็นอันมาก แต่จนเวลาบ่ายคล้อยก็ไม่เป็นที่ตกลงกัน
5. ครั้นเวลาประมาณ 16.น. การข่าวของกองทัพภาคที่ 4 ทราบว่าฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบกำลังระดมกำลังจากหลายพื้นที่เพื่อเตรียมเข้าโจมตีกองกำลังของรัฐบาลที่ล้อมมัสยิดกรือเซะนั้น พลเอก พัลลภ ปิ่นมณี ทราบรายงานข่าวแล้วเห็นว่าถ้าปล่อยให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นก็จะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ทั้งทหาร เจ้าหน้าที่และประชาชน จึงใช้อำนาจของผู้บัญชาการสถานการณ์ยื่นคำขาดให้ผู้ก่อความไม่สงบในมัสยิดมอบตัวภายใน 30 นาที มิฉะนั้นจะบุกเข้าจับกุม แต่ผู้ก่อความไม่สงบไม่ยอมมอบตัว จึงมีการบุกเข้าไปในมัสยิดและเกิดการต่อสู้กัน เป็นเหตุให้ผู้ก่อความไม่สงบในมัสยิดเสียชีวิตทั้งหมด
6. ผู้นำศาสนาในพื้นที่ระดับตำบลได้ออกคำวินิจฉัยทางศาสนาหรือคำฟัตตวาว่าเป็นเหตุการณ์ที่เป็นสงครามทางศาสนาหรือ"จีฮัด" ดังนั้นผู้ก่อความไม่สงบในมัสยิดที่เสียชีวิตทั้งหมดมีฐานะเป็นนักบุญหรือ"ชาฮีด"ให้ทำการฝังศพได้โดยไม่ต้องอาบน้ำศพ เพราะถือว่าเลือดของนักบุญหรือชาฮีดบริสุทธิ์ยิ่งกว่าน้ำ
ถ้าหากคำวินิจฉัยเช่นนั้นมีผลต่อไปก็จะทำให้บรรดาประเทศมุสลิมทั้งหลายเข้าช่วยเหลือฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบนั้น
7. ลุงจิ๋วแกเป็นคนรู้เรื่องรู้ราวและเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ดังนั้นจึงมีการประสานงานให้ผู้นำสูงสุดของมุสลิมชีอะห์แห่งอาเซียนคือท่านฮุจลตุลอิสลาม ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี ซึ่งมีศักดิ์ทางศาสนาสูงกว่าผู้นำท้องถิ่นมาก เพื่อพิจารณาเรื่องนี้มิให้มีการบิดเบือนหลักศาสนามาใช้โดยไม่ถูกต้อง
หลังจากมีการตรวจสอบไต่สวนตามหลักศาสนาแล้ว ท่านผู้นำสูงสุดอาเซี่ยนได้ออก"คำฟัตตวา"ว่า การต่อสู้และการเสียชีวิตไม่ใช่จีฮัดและไม่ใช่ชาฮีด อันเป็นการออกคำฟัตตวาลบล้างคำฟัตตวาระดับท้องถิ่น จึงทำให้ไม่เกิดเป็นปัญหาระหว่างไทยกับประเทศอิสลามทั่วโลก
8. เรื่องนี้คุณทักษิณแกไม่เกี่ยวข้อง ไม่รู้เรื่อง การใส่ร้ายเรื่องนี้แก่คุณทักษิณจึงไม่เป็นธรรม และไม่เป็นผลดีแก่ใครเลย
ความจริงเรื่องนี้ก็ถึงเวลาเปิดเผยแล้ว จึงต้องเปิดเผยเรื่องนี้ให้ได้ทราบและเข้าใจทั่วกัน.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews