ไม่ขอเข้าข้างลูก เปิดใจ พ่อไรเดอร์หัวร้อน ปล่อยให้โดนรับโทษ ผิดว่าไปตามผิด
พ่อไรเดอร์หัวร้อนไม่ขอเข้าข้าง ปล่อยรับโทษ ผิดว่าไปตามผิด พร้อมบอกด้วยว่าลูกชายติดยาเสพติด ส่งไปบำบัดหลายครั้งก็ไม่หาย
จากกรณีมี "ไรเดอร์หัวร้อน" ใช้มีดบุกเข้ามาทำร้ายร่างกายเจ้าของร้านอาหาร ย่านตลิ่งชัน โดยผู้โพสต์ระบุว่า "ไรเดอร์หัวร้อน"บุกเข้ามาโวยวายและทำร้ายร่างกายเจ้าของร้านอาหาร สาเหตุเกิดจากความไม่พอใจที่ต้องเดินเข้ามาเอาอาหารเอง เหตุเกิดวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะจับกุมตัวได้เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากนั้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ธ.ค. พ.ต.อ.คมสิทธิ์ รังไสย์ รอง ผบก.น.7 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.ตลิ่งชัน นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายจตุพร พูลขุมทรัพย์ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ 445/2564 ลงวันที่ 9 ธ.ค.64 ในข้อหา "พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพกพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุอันควร" โดยจับกุมได้บริเวณริมถนนบรมราชชนนี แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ
จากการสอบสวน นายจตุพร รับสารภาพว่าเป็น "ไรเดอร์หัวร้อน"ในคลิปดังกล่าวจริง โดยทำไปเพราะไม่พอใจที่เจ้าของร้านให้เดินมารับอาหารเอง ทั้งที่ตัวเองขาเจ็บเดินไม่ค่อยไหว เบื้องต้นจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ในขณะที่ พ่อไรเดอร์หัวร้อน ได้เดินทางมาเยี่ยมลูกชาย และบอกว่า จากการพูดคุยกับลูกในเบื้องต้น และเกลี้ยกล่อมให้เข้ามามอบตัว เพราะทราบข่าวจากทางสื่อมวลชนนั้น สาเหตุที่ทำ เพราะความเครียดเรื่องการทำงาน เนื่องจากถูกไล่ออกจากการขับไรเดอร์ หลังจากไม่พอใจในวันที่เข้าไปรับอาหาร จึงอารมณ์ขึ้น และนำไปสู่การก่อเหตุ
และลูกชาย ก็มีอาการเครียด และดูสลด หลังจากเป็นข่าวออกไป พร้อมกับ ยอมรับผิดในสิ่งที่ทำ จึงเดินทางเข้ามามอบตัวพร้อมยอมรับด้วยว่า ลูกชายของตนเองที่เป็นผู้ต้องหา ติดยามาหลายปีแล้ว ส่งไปบำบัดแต่ก็ไม่หาย เคยแจ้งเจ้าหน้าที่มาจับไปออกมาก็ไม่เลิก และปัจจุบันยังบำบัดอยู่ มีอาการหูแว่ว สภาพจิตใจไม่ปกติอยู่บ้าง และคาดว่าวันก่อเหตุน่าจะเสพยาไปก่อนเช่นกัน
คุณพ่อ ยังบอกอีกว่า ปกติ ลูกชายมักจะมีอารมณ์รุนแรงบ้างเวลาอยู่บ้าน และมักจะทำลายข้าวของอยู่แต่ก็นานๆครั้ง ซึ่งเคยขอให้เลิกยาเสพติดและพาไปบำบัด แต่เขาก็ไม่เลิก
ที่ผ่านมา ลูกชายก็จะทำอาชีพขับรถส่งของมาหลายปีแล้ว เพราะทำอาชีพอื่นไม่ได้ แต่ไม่ทราบว่าขับไรเดอร์มานานหรือยังเพราะเขาก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา และก็ออกไปทำงานทุกวัน
ทั้งนี้คุณพ่อ ก็ยังขอโทษผู้เสียหายแทนลูกชายด้วย และไม่ได้อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ โดยหลังจากนี้ก็จะไม่ประกันตัว ให้รับโทษตามกฎหมาย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews