ผบ.ตร.เสียใจ ด.ต.อุดม แถมมี พลีชีพ ถูกคนร้ายยิงดับขณะปฏิบัติหน้าที่
ผบ.ตร.เสียใจ ยืนยันดูแลสวัสดิการให้อย่างดีที่สุด "ด.ต.อุดม แถมมี" พลีชีพ ถูกคนร้ายยิงดับขณะปฏิบัติหน้าที่
จากกรณีที่ วันที่ 11 ธันวาคม 2564 มีรายงานข่าว ตำรวจพลีชีพขณะปฏิบัติหน้าที่ โดย ด.ต.อุดม แถมมี ผบ.หมู่ งานสืบสวน สภ.ชะอำ ตำรวจถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต เนื่องจากได้เข้าระงับเหตุชายคลั่งใช้ปืนขู่เอาชีวิตเมีย พบประวัติคนร้ายยิงตำรวจดับเคยมีคดีพยายามฆ่าและยาเสพติดมาก่อน
ซึ่งเมื่อเวลา 13.00น.ที่ผ่านมา นายวิชัย หรือ เค อายุ 26 ปี ผู้ก่อเหตุยิงตำรวจดับ ได้ใช้อาวุธปืนยิง ด.ต.อุดม แถมมี ผบ.หมู่ งานสืบสวน สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี อายุ47 ปี เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่เข้าจับกุมคนร้ายดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชะอำ ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายซึ่งเป็นแฟนของนายวิชัยว่าเมื่อคืนวันที่ 10 ธันวาคม 2564 เธอถูกนายวิชัยใช้ปืนจ่อขู่เอาชีวิต จากนั้นเธอหลบหนีออกมาได้และไปแจ้งความร้องทุกข์
เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.ชะอำ นำกำลังไปตรวจสอบ ปิดล้อม ตรวจค้น เพื่อจับกุมนายวิชัย ผู้ก่อเหตุ บริเวณบ้านเช่าไม่มีเลขที่ ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ปรากฏว่านายวิชัย ได้วิ่งหลบหนีออกมาจากบ้าน
-กราบหัวใจ ครอบครัวเซ็นบริจาคอวัยวะ น้องเดียร์ มอบชีวิตใหม่ให้อีก 7 ชีวิต
-ทหารโหดลั่นไกใส่เมียดับ ก่อนเป่าขมับตามกลางศาลหลักเมือง
-จบเรื่องสาวเอารถไปเข้าศูนย์ถ่วงล้อ พนักงานเอาไปชนยับโดนลงโทษแล้ว
ต่อมา ด.ต.อุดม แถมมี ผบ.หมู่ งานสืบสวน สภ.ชะอำ ได้พยายามเข้าจับกุม แต่นายวิชัย ต่อสู้ขัดขืนและได้ชักปืนออกมา ด.ต.อุดม ได้พยายามปลดอาวุธคนร้าย แต่ถูกนายวิชัย ยิงปืนใส่ ทำให้ ด.ต.อุดม ได้รับบาดเจ็บสาหัส
จากนั้นนายวิชัย จะยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจนายอื่นที่เข้าร่วมจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความจำเป็นต้องใช้ปืนยิงนายวิชัย เพื่อป้องกันภยันตรายต่อชีวิต ทำให้นายวิชัย ได้รับบาดเจ็บและล้มลง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รีบนำตัว ด.ต.อุดม และนายวิชัย คนร้าย ส่งโรงพยาบาลทันที แต่ด.ต.อุดม ก็เสียชีวิต
อัพเดทล่าสุดพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. แสดงความเสียใจหลังทราบรายงานดังกล่าว ได้กำชับผู้บังคับบัญชาทุกระดับให้ดูแลสวัสดิการให้กับครอบครัวของ ด.ต.อุดม อย่างดีที่สุด และยังฝากความห่วงใยถึงข้าราชการตำรวจทุกนาย ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ประมาท ปฏิบัติตามหลักยุทธวิธีตำรวจ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองและพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews