สั่งปิดด่วน คลินิกพิมรี่พาย ปมหมอเถื่อนให้บริการความงามคนไข้
สบส. หรือ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ลงพื้นที่ตรวจสอบ ล่าสุดลงดาบสั่งปิด คลินิกพิมรี่พาย ปมหมอเถื่อนให้บริการความงามคนไข้
เรียกได้ว่าเป็นประเด็นดราม่าร้อนระอุบนโลกออนไลน์กับเรื่อง พิมรี่พาย แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ที่ถึงขั้นประกาศตามล่าคนร้ายตัวตนเอง พร้อมทั้งตั้งรางวัลนำจับอีก 1 แสนบาทให้กับคนที่พบเบาะแสคนที่ทำให้คลินิกเสริมความงามตนเองต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งก่อนหน้านี้่เธอได้ไปแจ้งความพร้อมเอาผิดหมอเถื่อนคนดังกล่าวไว้แล้ว นอกจากนี้เธอยังรับปากอีกด้วยว่าจะรับผิดชอบผู้เสียหายทุกคน
โดย น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือ พิมรี่พาย ที่เป็นหุ้นส่วนอิสคิวท์คลินิกเวชกรรม สาขาห้วยขวาง เข้าแจ้งความตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ว่า คลินิกของตนถูกมิจฉาชีพใช้เอกสารใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์หญิงท่านอื่น มาสมัครเป็นแพทย์ผู้ให้บริการของคลินิก
อัพเดทล่าสุด นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ระบุเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ตนได้รับรายงานว่าหลังจากเจ้าหน้าที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ลงพื้นที่ตรวจสอบ อิสคิวท์คลินิกเวชกรรม สาขาห้วยขวาง ซึ่งเบื้องต้นได้สั่งปิดสาขาดังกล่าว เป็นเวลา 30 วันแล้ว พร้อมดำเนินการตามกฎหมายกับเจ้าของสถานพยาบาลตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาลต่อไป โดยสาเหตุที่ปิดเพียงสาขาเดียว เนื่องจากต้องดูจากเหตุที่เกิด ซึ่งยังพบแค่สาขาเดียว
-หมอของขวัญ ลั่น ถูกขนาดนี้ขอเหมาแสนออเดอร์ ถ้าได้ของแท้ ปมดราม่าพิมรี่พาย
-พลาดจริง! "หมอคนดัง" ประสานเสียง น่าห่วงผู้บริโภค ปมดราม่า "พิมรี่พาย"
-พรฟ้า เผยแล้ว เหตุผลไทยไม่ส่งดารา ไปมิสยูนิเวิร์ส ชิงมงฯเหมือนอินเดีย!
ในขณะเดียวกัน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดี สบส. ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างออกคำสั่งในการสั่งปิดอิสคิวท์คลินิกเวชกรรมชั่วคราว 30 วัน เนื่องจากตามแนวทางหากพบสถานพยาบาลมีผู้ที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือหมอเถื่อนเข้ามาทำงาน ถือว่าไม่ปลอดภัยต่อผู้รับบริการ ต้องสั่งปิดชั่วคราว เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้เกิดการปรับปรุงและระมัดระวังมากขึ้น
ทั้งนี้ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลคือแพทย์ในคลินิกที่มีใบประกอบวิชาชีพ ซึ่งมีหน้าที่จัดหาผู้ให้บริการที่ถูกต้อง แต่กลับมีหมอเถื่อนในคลินิก ในเบื้องต้นมีโทษจากการไม่จัดผู้ให้บริการให้เป็นไปตามมาตรฐาน ผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้เจ้าพนักงานต้องสอบส่วนว่ามีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ ส่วนเจ้าของคลินิก ยังไม่พบความผิด แต่การสั่งปิดสถานบริการเป็นการลงโทษเจ้าของตามโทษการปกครองแล้ว
อย่างไรก็ตาม นพ.ธเรศ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา ยังพบความผิดในด้านอื่นๆ เช่น คลินิกมีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ใช้สอยโดยไม่ได้รับอนุญาต การโฆษณาที่ผิดกฎหมาย และการไม่แจ้งรายชื่อของแพทย์ผู้ให้บริการกับผู้อนุญาต ซึ่งจะมีการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป