"หมอนิธิพัฒน์"รู้แล้วคลัสเตอร์กาฬสินธุ์ ทำไมไม่กี่ชั่วโมงติดเป็นร้อย
"หมอนิธิพัฒน์" รศ. นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ผ่านเฟซบุ๊ก นิธิพัฒน์ เจียรกุล
"หมอนิธิพัฒน์"ระบุข้อความว่า
ผ่านไปแล้วหนึ่งวันสำหรับเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่รวม 5 วัน ปีนี้นับว่าผ่อนคลายกว่าปีที่แล้วและปีก่อนหน้านั้น เป็นผลมาจากความร่วมมือร่วมใจในการควบคุมโรคของทุกฝ่าย และการเข้ารับการฉีดวัคซีนกันหนาตาของภาคประชาชน นี่ถ้าไม่มีเจ้าโอไมครอนมาเป็นตัวเปลี่ยนเกม เราคงจะสบายใจกันต่อได้แม้สถานการณ์จะผ่านพ้นช่วงแห่งความสุขนี้ไปแล้ว
หันมามองภาพรวมของประเทศ ตัวเลขผู้ป่วยใหม่วันนี้ยังลดลงต่อเนื่อง ควบคู่กับจำนวนผู้ป่วยอาการรุนแรงและผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจ ส่มายถึงว่าแม้โอไมครอนจะเข้ามาบ้านเราเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ด้วยคุณสมบัติติดง่าย (แพร่เชื้อต่อได้มาก) แต่อาจไม่ติดทน (รุนแรง) และอาจไม่ติดนาน (ระยะเวลากวนอัตราการเสียชีวิตก็ยังอยู่ที่ประมาณ 1% นั่นหารแพร่เชื้อสั้น) ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะมาตรการควบคุมโรคของทั้งภาครัฐและภาคประชาชนยังเข้มแข็งอยู่ รวมถึงภูมิจากการฉีดวัคซีนกันเกือบถ้วนหน้าและการติดเชื้อตามธรรมชาติในวงกว้างจากระลอกก่อน ช่วงเวลาเทศกาลปีใหม่ที่เหลือจะพิสูจน์ฝีมือทุกฝ่าย ว่าจะสามารถทำให้ยอดโอไมครอนในประเทศไปแตะหลักพันหรือไม่
ต่อเนื่องกันมาครบเจ็ดวันพอดีที่ยอดผู้ป่วยรายใหม่ในเมืองหลวงยังต่ำกว่า 500 คน แต่กรุงเทพ ชลบุรี นครศรีธรรมราช สมุทรปราการ เชียงใหม่ ยังอยู่ในท็อปไฟว์ โดยมีอุดรธานีและกาฬสินธุ์ตามมาติดๆ จะเห็นได้ว่ายกเว้นนครศรีธรรมราชแห่งเดียว ที่เหลืออีกหกจังหวัดมีความสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโอไมครอนสูง เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวและรับผลโดยตรงจากคลัสเตอร์ใหญ่โอไมครอน หน่วยงานที่รับผิดชอบในการควบคุมโรคและประชาชนในพื้นที่ คงจะต้องทำงานหนักและร่วมมือกันชะลอการระบาดให้ได้
บทเรียนจากคลัสเตอร์ใหญ่ที่กาฬสินธุ์ ทำไมนักดนตรีติดกันหลายคน ทั้งที่มีข้อกำหนดไม่ให้นักดนตรีสัมผัสตัวกับผู้ชม ทำไมจึงมีผู้ติดเชื้อจากสถานที่นั้นเป็นหลักร้อยในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่อยู่ในสถานที่นั้น นั่นหมายถึงว่าน่าจะมีคนเข้าไปใช้บริการเกินกำหนด รวมถึงเจ้าของสถานบริการและคนที่เข้าไปใช้บริการละเลยการควบคุมและการป้องกันตัวเอง ที่สำคัญและน่ากลัวมากคือ โอไมครอนอาจจะแพร่กระจายได้ง่ายในลักษณะที่เรียกว่า ละอองลอยระยะใกล้ (short-range aerosol) ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 50 ไมโครเมตร (ประมาณเท่าเส้นผม) แต่สามารถสูดหายใจเข้าไปทางจมูกและปากได้ โดยต่างจากละอองลอยฟุ้งกระจายปกติที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 5 ไมโครเมตร ซึ่งเป็นที่สนใจกันมากและมีการทำการศึกษาแพร่หลายในระยะหลังนี้ โดยอาจเกิดจากโอมิครอนมีความชอบและตกค้างในระบบการหายใจส่วนบนได้นานตามหลักฐานในห้องทดลอง เชื้อจึงออกมาได้มากทุกครั้งที่เราพูดตามปกติ ส่งเสียงดัง ตะโกน ร้องเพลง ไอ และจาม รวมถึงประสิทธิภาพการป้องกันของหน้ากากที่ใช้และระบบการระบายอากาศในสถานที่แห่งนั้น
ในเมื่อไม่สามารถมั่นใจได้ว่าโอไมครอนจะลุกลามจนผู้ป่วยหนักล้นโรงพยาบาลหรือเปล่า ต้องขอตัวไปเตรียมความพร้อมของเครื่องมือแพทย์ในโรงพยาบาลตัวเองและโรงพยาบาลอื่นที่พอจะช่วยสนับสนุนได้ โดยเฉพาะเครื่องไฮโฟลว์และเครื่องช่วยหายใจ รวมถึงอุปกรณ์สนับสนุนทั้งข้อต่อกับไปป์ไลน์ แผ่นกรองไวรัส และเครื่องมือใช้ติดตามผลการรักษาผู้ป่วย เครดิตรูปถ่ายตรวจตราเครื่องมือสู้ศึก จากบทความออนไลน์
#ก้าวข้ามปีใหม่แบบห่างไกลโอไมครอน