หมอขวัญชัย เผยแนวทางอยู่รอดจาก โอไมครอน คาดหลังปีใหม่มาแทนเดลต้า 1-2 เดือน
ศ.นพ.ขวัญชัย ศุภรัตน์ภิญโญ เผยแนวทางการอยู่รอดจากโควิดสายพันธุ์ใหม่ "โอไมครอน" อย่างไรให้ปลอดภัย หลังคาดครองโลกหลังปีใหม่แทนเดลต้า 1-2 เดือน
สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ "โอไมครอน" (Omicron) ที่เริ่มแพร่ระบาดในหลายจังหวัดของประเทศไทย ทำให้หลายคนต่างเกิดความวิตกกังวล ข่าวล่าสุดทางด้าน ศ.นพ.ขวัญชัย ศุภรัตน์ภิญโญ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Khuanchai Supparatpinyo ถึงแนวทางการอยู่รอดจาก "โอไมครอน" อย่างไรให้ปลอดภัย โดยระบุว่า
การอยู่กับโควิดอย่างปลอดภัย แนวทางการอยู่รอดจาก "โอไมครอน" (Omicron survival guide)
ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม โอไมครอนจะแพร่ระบาดไปทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยอย่างแน่นอน คาดว่าจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักครองโลกแทนเดลต้าหลังจากข้ามปีใหม่ไปไม่เกิน 1-2 เดือน อย่างไรก็ตาม แม้โอไมครอนจะแพร่เร็วกว่าทุกสายพันธุ์ที่เคยมีมา แต่โชคดีที่เริ่มมีข้อมูลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆที่สนับสนุนว่าโอไมครอนก่อโรคที่รุนแรงน้อยกว่าเดลต้ามาก ยิ่งตอกย้ำแนวคิดการอยู่กับโควิดอย่างปลอดภัยมากขึ้น ใครที่ยังยึดติดกับแนวคิดที่ต้องติดเชื้อเป็นศูนย์น่าจะตกยุคไปเรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าสถานการณ์การระบาดในประเทศไทยจะมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เราต้องเตรียมตัวต้อนรับการระบาดของ "โอไมครอน" ที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว ปัจจัยบวกที่สำคัญของประเทศไทยคือ
1. คนไทยและประชากรแฝงได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วเกิน 60%
2. คนไทยในภาพรวมปฏิบัติตัวตามมาตรการการป้องกันการติดเชื้อส่วนบุคคลได้ค่อนข้างดี
แต่ก็ยังมีปัจจัยลบเช่นกันคือ
1. ยังมีเกือบ 30% คนหรือ 21 ล้านคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
2. ยังมีบางคนบางกลุ่มไม่มีวินัยในการป้องกันการติดเชื้อส่วนบุคคลซึ่งทำให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ๆขึ้นตลอดเวลา
ปัจจัยลบทั้ง 2 อย่างนี้จะทำให้ไม่สามารถควบคุมการรบะาดของโควิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-พบโอไมครอนแล้ว 16 จังหวัดประเทศไทย รอยืนยันอีก 2 จังหวัด
-สั่งปิดสถานบันเทิงดังชั่วคราว หลังเกิดคลัสเตอร์รอบ 2
-สั่งปิดประตู ห้ามเข้า-ออก วัดดังเชียงใหม่ เด็ดขาด พระ-เณร ในวัดติดเชื้อวุ่น
แนวทางการอยู่รอดจากโอไมครอนพอจะสรุปได้ ดังนี้
1. อย่าตื่นตระหนกกับข่าวการระบาดของโอไมครอนจนเกินเหตุ อย่างน้อยให้คิดในแง่ดีว่าแม้เชื้อจะแพร่เร็วแต่มีความรุนแรงไม่มาก โอกาสเสียชีวิตน้อยกว่าเดลต้ามาก
2. ใครที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนต้องรีบไปฉีดทันที โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เพราะท่านเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อโอไมครอนได้ง่ายที่สุดและมีโอกาสเสียชีวิตสูงกว่าคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วก็ควรไปฉีดเข็มกระตุ้นทันทีที่ภาครัฐประกาศเรียก
3. แม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ยังต้องเน้นมาตรการป้องกันการติดเชื้ออย่างเคร่งครัดในทุกสถานที่และทุกสถานการณ์คือ สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างไว้ ใส่ใจล้างมือ
4. หลีกเลี่ยงการเข้าไปในที่ชุมชนที่ไม่สามารถรักษาระยะห่างได้ รวมทั้งการไปเที่ยวสถานบันเทิง ร่วมงานสังสรรต่างๆ และการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่นถ้าไม่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด
5. หมั่นสังเกตอาการไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล เหนื่อยหอบ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รู้รส อ่อนเพลีย และเหงื่อออกกลางคืน หากมีอาการดังกล่าวให้สงสัยว่าอาจจะติดเชื้อโอไมครอน ให้รีบตรวจ ATK หรือไปพบแพทย์ทันที
6. ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย ควรรักษาและกักตัวที่บ้าน พร้อมทั้งแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันดูแลรักษาท่านโดยเร็ว
7. ถ้ามีอาการรุนแรงเช่นหอบเหนื่อย แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ให้แจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้ารับการดูแลที่ รพ.
สำหรับภาครัฐในสถานการณ์การระบาดของโอไมครอนควรพิจารณาในหลายประเด็น เช่น
1. ควรจะสร้างความแตกตื่นให้สังคมเมื่อพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนหรือไม่
2. ยังสมควรจะตรวจเชิงรุกในคนที่ไม่มีอาการหรือไม่
3. ยังสมควรจะรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อยที่ไม่ต้องเข้ารับการรักษาในรพ.หรือไม่
4. ยังสมควรจะมีสถานกักตัวหรือรักษาผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อยอีกหรือไม่
5. ยังสมควรใช้ RT-PCR ในการตรวจคัดกรองหรือไม่
ขอถือโอกาสอวยพรให้ทุกท่านมีความสุขในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2565 ที่กำลังจะมาถึง ขอให้ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทและสามารถก้าวผ่านการระบาดของโอไมครอนอย่างปลอดภัยไปด้วยกัน
ขวัญชัย ศุภรัตน์ภิญโญ
ขอบคุณ FB : Khuanchai Supparatpinyo