หมอยง เผยเหตุผล ทำไม "โอไมครอน" อาการของโรครุนแรงน้อยลง
"หมอยง"ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ออกมาโพสต์ข้อความระบุหัวข้อ โควิด-19 โอมิครอน เหตุผลที่ทำให้อาการของโรครุนแรงน้อยลง คนจะติดโอมิครอนเพิ่มขึ้น จนองค์การอนามัยโลก เลิกนับจำนวนผู้ป่วย
จากกรณี ที่ "หมอยง" ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุหัวข้อ โควิด 19 สายพันธุ์ โอมิครอน เหตุผลที่ทำให้อาการของโรครุนแรงน้อยลง โดยระบุข้อความว่า
โควิด-19 "โอมิครอน" เหตุผลที่ทำให้อาการของโรครุนแรงน้อยลง
ยง ภู่วรวรรณ 5 มกราคม พ.ศ. 2565
"โอมิครอน" ก่อโรคโควิด-19 เหตุผลที่ทำให้อาการของโรครุนแรงน้อยลง
1 การติดเชื้อในเด็กเพิ่มมาก เด็กติดเชื้อส่วนใหญ่จะไม่รุนแรง อาการเหมือนหวัดหรือไม่มีอาการ อาการจะรุนแรงสูงตามอายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
2. ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนแล้วจำนวนมาก รวมทั้งผู้สูงอายุทำให้อาการของโรคลดลง
3 ด้วยตัวไวรัสเอง การศึกษาในสถานการณ์จริง เช่นในอัฟริกาใต้ ปรับตัวแปรต่าง ๆ แล้ว โอมิครอนสร้างความรุนแรงน้อยกว่าเดลตา
4 จากการศึกษาในเซลล์ทดลอง ไวรัส โอมิครอน ชอบเยื่อบุเซลล์ทางเดินหายใจส่วนต้นมากกว่าเนื้อเยื่อถุงลมปอด เป็นเหตุผลให้ไวรัสลงปอดได้น้อยกว่า
5 ตามหลักวิวัฒนการของสิ่งมีชีวิต ตามทฤษฎีของชาร์ล ดาร์วิน สิ่งมีชีวิตจะต้องปรับตัวให้เหมาะสมเพื่อความอยู่รอด ไวรัส ปรับตัวเข้าหาเซลล์เจ้าบ้าน เพื่อความอยู่รอด มนุษย์ติดเชื้อแล้วก็มีภูมิต้านทาน ไวรัสก็พยายามปรับตัว ให้อยู่กับเซลล์เจ้าถิ่นให้ได้ดีที่สุด ถ้าทำลายเซลล์เจ้าบ้านมากก็ไม่มีบ้านอยู่เหมือนกัน เชื่อว่าไวรัสทางเดินหายใจหลายตัว ในอดีตที่อุบัติขึ้นในระยะแรกก็ก่อให้เกิดความรุนแรงของโรค และปรับตัวเป็นโรคประจำถิ่น
-ผู้ว่าฯ เมืองชล ยันยังไม่ล็อกดาวน์ จ.ชลบุรี หลัง "โอไมครอน" พุ่งยันคุมอยู่!
-"หมอธีระ" เตือน อย่าหวังได้ประโยชน์ ภูมิคุ้มกันหมู่ จากการติดเชื้อโอมิครอน
-เพจเส้นด้าย ลั่นเป็นวันวุ่นวายสุดในรอบ 3 เดือน ข้องใจยอดโควิด 3,000 จริงหรอ!
ขอยกตัวอย่างประเทศเดนมาร์ก ในช่วงระบาดหนักปลายปี 2563 - 2564 เข้าใจว่าเป็นสายพันธุ์แอลฟาหรืออังกฤษ 20 ธันวาคม 2563 มีผู้ป่วย 4043 คน ค่าเฉลี่ย 7 วันอยู่ที่ 3332 คนต่อวัน มีผู้เสียชีวิตวันละ 30 คน เฉลี่ย 7 วันอยู่วันละ 30 คนเช่นกัน มาระบาดในช่วงปีนี้ในวันที่ 27 ธันวาคม 2564 มีผู้ป่วย 41,035 คน (10 เท่า) และค่าเฉลี่ย 7 วันในช่วงดังกล่าวเสียชีวิต 12 คนต่อวัน แสดงการเสียชีวิตในรอบที่แล้ว กับรอบใหม่ อัตราการตาย ต่อ ผู้ป่วย ต่างกันอย่างมาก
การติดเชื้อทั่วโลก ขณะนี้เพิ่มมากขึ้นวันละเป็นล้าน แต่อัตราตายโดยเฉลี่ยลดลงกว่าที่ผ่านมา
ในอดีตมาก ตัวเลขขณะนี้จะนับจำนวนผู้ป่วย เฉพาะผู้ที่ทำการตรวจยืนยันแล้วเท่านั้น ผู้ป่วยส่วนมากที่มีอาการ แล้วไม่ได้ตรวจ เช่นในประเทศที่การตรวจ RT-PCR ไม่ทั่วถึง และการที่ป่วยแบบไม่มีอาการ ก็มีอีกจำนวนมาก เมื่อรวมแล้ว น่าจะเป็นจำนวนมากกว่ายอดที่แจ้งให้องค์การอนามัยโลกหลายเท่า เมื่อติดเชื้อแล้วก็จะมีภูมิต้านทานเกิดขึ้น และการติดเชื้อครั้งต่อไปอาการความรุนแรงก็จะลดลง เหมือนโรคทางเดินหายใจอื่นๆ ประกอบกับ มีผู้ที่ได้รับวัคซีนอีกจำนวนมาก (ปัจจุบันฉีดวัคซีนแล้วมากกว่า 9000 ล้านโดส) เมื่อรวมกันแล้วน่าจะมีประชากรหลายพันล้านคนที่มีภูมิต้านทานแล้ว จากการติดเชื้อหรือได้รับวัคซีน
ด้วยเหตุผลดังกล่าว เมื่อประชากรส่วนใหญ่มีภูมิเกิดขึ้น และความรุนแรงของโรคน้อยลง อัตตราตายของโรคในปัจจุบันจึงมีลดลงมาโดยตลอด และในที่สุดเชื่อว่า องค์การอนามัยโลก จะเลิกนับจำนวนผู้ป่วย และหลังจากนั้น ก็จะทำการตรวจเฉพาะผู้ที่มีอาการของโรคเท่านั้น จะไม่เหวี่ยงการตรวจ RT-PCR ที่มีราคาแพง มากมาย เหมือนในปัจจุบัน จะตรวจในผู้ที่มีอาการ หรือกลุ่มเสี่ยง ที่ต้องการรักษาหรือมีอาการมาก โดยเฉพาะเมื่อมียารักษาจำเพาะ เพื่อลดความรุนแรง และทุกคนก็จะยอมรับและปรับตัวได้มากขึ้น