"หัวหน้ามนตรี" หลังก่อเหตุบุกห้องลูกบ้าน ส่งข้อความหา รปภ.ป้อมหน้าคอนโด
"หัวหน้ามนตรี" ส่งข้อความหา รปภ.ป้อมหน้าคอนโด หลังก่อเหตุบุกย่ำยีลูกบ้าน เผยหมดเปลือกหลงรักลูกบ้านคนนี้มานาน
จากกรณีที่ นายมนตรี ใหญ่กระโทก หัวหน้า รปภ. คอนโดมิเนียมย่านฝั่งธนบุรี ก่อเหตุขืนใจลูกบ้านหญิงอายุ 36 ปี เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 3 ม.ค.256 5 ที่ผ่านมา ในพื้นที่ สน.เพชรเกษม อีกทั้ง นิติบุคคล ยังขัดขวางไม่ให้ตำรวจเข้าที่เกิดเหตุ ขณะที่และ บริษัทรปภ. จ่อมีความผิด เนื่องจากไม่ตรวจสอบประวัติคนร้าย ก่อนรับเข้าทำงาน
ล่าสุดเช้านี้ ‘หัวหน้ามนตรี’ ได้ส่งข้อความมาหาเพื่อนรปภ. บอกว่าขอโทษที่ทำให้ต้องโดนตบหน้า และบอกว่าที่ทำไปเพราะรักผู้เสียหายแอบมองมานานแล้ว
สำหรับตัวหัวหน้ามนตรีนั้น ตนรู้จักตั้งแต่เข้ามาทำงานด้วยประมาณสองปีแล้ว โดยปกติเป็นคนที่ชอบทำงานเอาเปรียบลูกน้อง อีกทั้งยังเคยมาพูดกับตนว่า “เขาเล็งลูกบ้านผู้หญิงคนนั้นคนนี้ ซึ่งตนก็ได้เตือนไปว่าอย่าไปยุ่งกับลูกบ้าน”
กรณีเมื่อเวลา 01.20 น. วันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา เกิดเหตุหญิงสาว ถูก หัวหน้า รปภ. ของคอนโด บุกขึ้นไปข่มขืนถึงห้องพัก ที่คอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งย่านเพชรเกษม โดยผู้เสียหาย หญิงวัย 36 ปี กลับมาถึงห้องพัก แต่ลืมกุญแจไว้ในห้อง จึงได้ตาม นายมนตรี ใหญ่กระโทก หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดใครช่วยเปิดประตูให้ แต่ก็เปิดไม่ได้จึงต้องตามช่างกุญแจมาช่วยเปิด
โดยหลังเปิดประตูได้ หัวหน้า รปภ. ของคอนโด ก็ลงไปส่งช่างกุญแจ ก่อนที่จะกลับมาเคาะห้องของผู้เสียหาย แล้วฉวยโอกาสผลักผู้เสียหายเข้าไปในห้อง ใช้ ‘กุญแจมือ’ ล็อคผู้เสียหายเอาไว้ แล้วลงมือ และหลังก่อเหตุได้หลบหนีไป ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังตามตัวไม่พบ
นายเกียงคำ อายุ 57 ปี รปภ.ที่ประจำอยู่ป้อมหน้าคอนโดในคืนเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ในคืนนั้นตนประจำการอยู่ที่ป้อมหน้า โดยช่วงเวลาประมาณตี 1 ก็ทราบว่า ‘หัวหน้ามนตรี’ ได้พาช่างกุญแจขึ้นไปเปิดห้องให้กับลูกบ้าน พอช่างกุญแจกลับไป หัวหน้ามนตรีก็เดินมาคุยกับตนก่อนจะเดินหายไปช่วงเวลาประมาณ 01.27 น.
สักพักก็มีคนเข้ามาที่คอนโด แจ้งว่าเป็นญาติกับลูกบ้าน ซึ่งลูกบ้านเพิ่งถูกขืนใจ โดยญาติของผู้เสียหายเป็นตำรวจด้วย ตนจึง ว. ไปบอกกับ ‘หัวหน้ามนตรี’ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบที่หากมีบุคคลภายนอกจะติดต่อเข้าภายในพื้นที่ รปภ. ที่ป้อมจะต้องแจ้งและได้รับการอนุมัติจากหัวหน้า รปภ. ก่อน
แต่วันนั้น ‘หัวหน้ามนตรี’ ไม่ได้ตอบรับกลับมา ตนจึงไม่สามารถอนุญาตให้ญาติของผู้เสียหายเข้ามาในพื้นที่ได้ และเพิ่งมารู้ภายหลังว่าเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น โดย ‘หัวหน้ามนตรี’ เป็นผู้ก่อเหตุเอง
นายเกียงคำ กล่าวว่า ตำรวจได้ตรวจสอบกระเป๋าของ ‘หัวหน้ามนตรี’ ก็พบกุญแจมือ เทปพันสายไฟ และมีด ซึ่งไม่ใช่อุปกรณ์ที่ต้องพกไว้สำหรับการทำงาน และตนก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่า หัวหน้ามนตรี พกอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ในกระเป๋า
ทั้งนี้ พอตนรู้ว่าหัวหน้ามนตรีเป็นคนก่อเหตุก็รู้สึกโกรธและเจ็บแค้นใจมาก เพราะลูกบ้านที่เป็นผู้เสียหายคนนี้เป็นคนใจดี จะคอยเอาอาหารเอาน้ำมาฝาก รปภ. อยู่เสมอ ซึ่งตนมองว่าผู้เสียหายเป็นผู้มีพระคุณ ‘หัวหน้ามนตรี’ ไม่น่าจะทำเช่นนี้ และหากในคืนนั้นตนรู้ว่าเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ตนจะขึ้นไปช่วยด้วยตนเอง แม้ตัวเล็กก็จะสู้ และจะไม่ห้ามไม่ให้ญาติขึ้นไปด้วย โดยคืนนั้นตนเองก็ถูกญาติของผู้เสียหายตบเข้าที่ใบหน้า เนื่องจากไม่พอใจที่ตนกีดกันไม่ให้ขึ้นไป ซึ่งตนก็ไม่ถือโทษโกรธเพราะยอมรับผิดว่าตนเองบกพร่องจริง
แต่ในเช้าวันรุ่งขึ้น ‘หัวหน้ามนตรี’ ได้ส่งข้อความมาหาตน บอกว่าขอโทษที่ทำให้ต้องโดนตบหน้า และบอกว่าที่ทำไปเพราะรักผู้เสียหายแอบมองมานานแล้ว
ส่วนพฤติกรรมในการเสพยา ตนคาดว่า ‘หัวหน้ามนตรี’ น่าจะเสพยาจริง เพราะก่อนจะหยุดช่วงเทศกาลปีใหม่ ได้มายืมเงินหัวหน้าอีกคนไป 1,500 บาท และช่วงปีที่ผ่านมาก็เคยมีอาการคล้ายหลอนยา โวยวายบอกว่าจะลาออกด้วย
ขอบคุณที่มา : สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว