สธ. ชี้โอไมครอน พาประเทศไทยเข้าสู่โควิดระลอก 5 แล้ว
สธ. ชี้โอไมครอน พาประเทศไทยเข้าสู่โควิดระลอก 5 แล้ว เครื่องวัดไข้บอกอาการไม่ได้ พร้อมรับมือเน้นกักตัวที่บ้าน-ศูนย์พักคอยในชุมชน
จากกรณี เมื่อวันที่ 5 ม.ค.65 อธิบดีกรมการแพทย์ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์โควิด-19 โดยระบุว่า ขณะนี้ได้มีการหารือร่วมกับ ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เกี่ยวกับสถานการณ์ระบาด ซึ่งพบว่าขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่การระบาดระลอกที่ 5 แล้ว ซึ่งในส่วนของการรักษานั้น ขณะนี้มีเตียงรองรับจำนวน 52,300 เตียงทั่วประเทศ
ในส่วน กทม. และปริมณฑลขณะนี้มีเตียงว่างรองรับ 25,828 เตียง หากเป็นไปตามกรมควบคุมโรคได้ประเมินฉากทัศน์หากมีผู้ป่วยโควิดสูงสุดถึง 3 หมื่นรายต่อวัน ทางกรมการแพทย์จะมีเตียงเพียงพอในการรักษา ขณะเดียวกันแนวทางรักษาผู้ป่วหยลังจากนี้จะเน้นย้ำไปที่แยกกักที่บ้าน (Home Isolation :HI) และศูนย์พักคอยในชุมชน (Community Isolation :CI) เป็นลำดับแรก แต่หากมีอาการหนักจะส่งต่อรักษายังรพ.ที่มีเตียงรองรับต่อไป
โดยวันนี้ (5 ม.ค. 65) มีผู้ป่วยติดเชื้อในระบบกว่า 3,899 ราย และผู้ป่วยที่ตรวจ ATK อีกกว่า 3 พันราย ก็ประมาณ 7 พันราย ซึ่งมีการรายงานแยกออกมา ทั้งนี้ เรามีระบบติดตาม โดยกรณีหากตรวจ ATK เป็นบวกที่บ้านให้ติดต่อสายด่วนสปสช. 1330 เมื่อติดต่อแล้วภายใน 6 ชั่วโมงจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับเพื่อประเมินอาการ ว่า หากรักษาที่บ้านใน HI ได้ ก็รักษาที่บ้าน หากไม่ได้ให้รักษาที่ CI ซึ่งขณะนี้สำนักงานเขต กรุงเทพมหานครทุกเขตมีการจัดเตรียมไว้แล้ว พร้อมทั้งมีการจัดเตรียม CI สำหรับเด็กและแรงงานต่างด้าวได้แล้วเช่นกัน
นอกจากนี้ นพ.สมศักดิ์ ยังเผยถึงอาการของผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์โอไมครอนว่า ข้อมูลที่ผ่านมาพบว่า โอไมครอน อาการไม่รุนแรงมาก เบื้องต้นอาการไม่แตกต่างจากโควิด คือ ส่วนใหญ่มีอาการการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน ได้แก่ เจ็บคอ ไอแห้งๆ ไข้ ระยะแพร่เชื้ออยู่ที่ 2-3 วันก่อนมีอาการ และ 3-5 วันหลังมีอาการ ซึ่ง CDC มีลดจำนวนวันกักตัว แต่ประเทศไทยพิจารณาแล้วยังไม่ลด ซึ่งมีการติดตามเรื่องนี้ตลอด
อย่างไรก็ตาม พบบางรายมีอาการปอดอักเสบ แต่ไม่มาก ซึ่งการรักษาด้วยยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ หลังมีอาการภายใน 3 วัน ช่วยได้ทำให้ผู้ป่วยอาการหายเป็นปกติ อย่างจากข้อมูล 100 คนแรกในประเทศไทยมีอาการ 41 ราย โดยจำนวนนี้มี 7 รายเชื้อลงปอด มีปอดอักเสบ แต่ไม่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจชนิดไฮโฟลว์ ยืนยันได้ว่าอาการไม่รุนแรง แต่ที่สำคัญทุกรายได้รับวัคซีนมามากกว่า 14 วันก่อนตรวจพบเชื้อ
ที่สำคัญใน 41 รายที่มีอาการนั้น มีไข้ไม่ถึง 30% ดังนั้นอาการไข้จะเป็นตัวบอกได้ยาก อย่างไปห้างสรรพสินค้า หรือที่ไหนที่มีตัวกรองก็จะไม่ใช่อาการหลักในการพิจารณาแล้ว ดังนั้นหากมีอาการคล้ายไข้หวัด อย่าง ไอ เจ็บคอ ให้กันตัวเองออกจากที่ชุมชน อย่าเพิ่งไปร่วมกิจกรรม และให้ตรวจ ATK และในจำนวน 41 ราย พบมีอาการไข้ 29% อาการไอ 54% เจ็บคอ 37% ส่วนเรื่องกลิ่น หรือรับรสก็ไม่ใช่อาการมาก แตกต่างจากโควิดที่ผ่านมา ซึ่งอาการจะแยกจากหวัดทั่วไปยาก จึงหากคิดว่าตัวเองจะเป็นหวัดให้ตรวจ ATK ก่อน โดยเฉพาะถ้าจะไปทำงานหรือในที่ชุมชน
นพ.สมศักดิ์ ยังระบุอีกว่า ที่ผ่านมาพี่น้องประชาชนร่วมมือดี มีการสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอด แต่ครั้งนี้ขอความร่วมมือเพิ่ม อย่างหากมีอาการคล้ายไข้หวัด อย่าไปในที่ชุมชน และให้รีบตรวจ ATK เพราะขณะนี้อาการไข้อาจไม่ใช่ตัวบอกหลัก ดังนั้นขอให้สื่อช่วยสื่อสาร และทางหน่วยงาน องค์กร ห้างสรรพสินค้า อาจต้องมีป้าย หรือระบบในการย้ำประชาชนที่เข้ามาใช้บริการว่า หากมีอาการคล้ายไข้หวัดให้สงสัย และรีบตรวจ ATK อย่าเพิ่งเข้าแหล่งชุมชน ที่สาธารณะ