หมอสันต์ เผยข้อมูลความรุนแรงที่แท้จริง "โอมิครอน"
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ เปิดงานวิจัยความรุนแรงของโอมิครอน ตายใกล้ศูนย์ ต่างจากเดลต้าถึง 9 เท่า ย้ำวางแผนจัดการสุขภาพตนเองให้ดี อย่าลืมใส่ใจโรคอื่นๆ ที่มีอันตราการตายสูงกว่า
ข่าววันนี้ 13 มกราคม 2565 นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ศัลยแพทย์หัวใจและผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ครอบครัว เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ drsant.com โดยระบุถึง “หลักฐานวิทยาศาสตร์ชิ้นแรกเรื่องความรุนแรงของโอไมครอนในสหรัฐอเมริกา” มีเนื้อหาดังนี้
“ความกลัวโอไมครอนทั่วโลกส่วนหนึ่งเกิดจากการที่มีการแพร่ข่าวเรื่องความรุนแรงของโรคนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกาในประเด็นต่างๆเช่น การที่ยอดผู้ป่วยถูกแอดมิทไว้รักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น การตายเพิ่มขึ้น เด็กป่วยมากกว่าผู้ใหญ่และตายมากกว่าผู้ใหญ่ เป็นต้น ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงแค่ข่าวไม่ใช่หลักฐานวิทยาศาสตร์ แต่ตอนนี้หลักฐานวิทยาศาสตร์ของจริงออกมาแล้ว เป็นงานวิจัยที่แคลิฟอร์เนียซึ่งสปอนเซอร์โดยศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐฯ (CDC) มีศูนย์ประสานงานการวิจัยอยู่ที่ยูซี.เบอร์คเลย์ ซึ่งผมขอสรุปผลให้ฟังดังนี้
-ลุ้นข่าวดี คลังนัดถก "เลื่อนคนละครึ่งเฟส4" ใส่เงินเข้าแอปฯเป๋าตังเร็วขึ้น
-สสจ.ชลบุรี เเจงด่วน หลังว่อนข่าว บางละมุง คุมโอไมครอนไม่อยู่ รพ.ไม่รองรับ!
-สังเกตตัวเองด่วน อาการที่ต้องเลื่อนฉีดวัคซีน ลดโอกาสเกิดอาการข้างเคียง
งานวิจัยนี้ทำกับผู้ป่วยติดเชื้อโอไมครอนที่ยืนยืนการตรวจด้วยเทคนิค SGTF (S gene target failure) ทำเฉพาะกับผู้ป่วยที่มาโรงพยาบาลจำนวนรวม 52,297 คน พบผลดังนี้
ผู้ป่วยทั้งหมด รวม 52,297 คน หากนับเฉพาะคนที่ติดตามได้อย่างน้อย 5.5 วัน รวมทั้งหมด 288,534 คนวัน พบว่า
ผู้ป่วยถูกรับไว้ในโรงพยาบาล 88 คน (0.48%)
ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 0 คน (0%)
ท้ายที่สุดแล้วมีตาย 1 คน (0.09%)
โดยที่การติดเชื้อและระดับความรุนแรงมีการกระจายตัวเท่าๆกันทุกกลุ่มอายุ ไม่เป็นความจริงที่ว่าเด็กป่วยมากกว่าและจะตายมากกว่า
ขณะเดียวกันงานวิจัยนี้ยังได้เปรียบเทียบกับการติดเชื้อเดลต้าซึ่งมาที่กลุ่มโรงพยาบาลเดียวกันในช่วงเวลาเดียวกันจำนวน 16,982 คน พบว่า
ผู้ป่วยทั้งหมด รวม 16,982 คน
ถูกแอดมิทเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 222 คน (1.3%)
ใส่เครื่องช่วยหายใจ 11 คน (0.06%)
ท้ายที่สุดแล้วตาย 14 คน (0.8%)
โปรดสังเกตว่าอัตราตายของโอไมครอนคือ 0.09% นั้นต่ำกว่าอัตราตายของเดลต้าซึ่งตาย 0.8% ต่างกันถึง 9 เท่า
ผมเล่าเรื่องงานวิจัยนี้เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการวางแผนจัดการโรคของทุกท่านที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแฟนบล็อกทุกคนที่มีหน้าที่ต้องจัดการสุขภาพของตนเองด้วย เพื่อที่เราจะได้ไม่ทำอะไรที่มากเกินไป หรือที่เสี่ยงเกินไป หรือที่แพงเกินไป เพื่อปกป้องตัวเราให้จากพ้นโรคที่มีอัตราตายต่ำกว่า 0.1% หรือพูดง่ายๆว่าใกล้ศูนย์ โดยยอมทิ้งความใส่ใจในโรคเจ้าประจำอื่นๆที่มีอัตราตายสูงกว่า เช่นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันมีอัตราตาย 30% โรคไข้หวัดใหญ่มีอัตราตาย 0.13-0.17% เป็นต้น”