จับตา ศบค.ยกระดับ ปรับมาตรการระดับสีพื้นที่-นั่งดื่มในร้าน เดินทางเข้า ปท.
ลุ้น ศบค. ชุดใหญ่ เตรียมประชุมหารือ 20 ม.ค. 65 ปรับมาตรการระดับสีพื้นที่ นั่งดื่มในร้านอาหาร เดินทางเข้าประเทศ ฟื้น Test & Go
จากกรณี วันที่ 19 ม.ค. 65 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. เปิดเผยการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ในวันที่ 20 ม.ค. 65 ว่ามีด้วยกันหลายประเด็น โดยเฉพาะในการประกาศระดับสีพื้นที่ มาตรการผ่อนคลายบางพื้นที่ บางกิจการกิจกรรม ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว มีการหารืออย่างเข้มข้น โดย สธ. ร่วมกับการลงพื้นที่ สอบสวนโรค ดูปัจจัยเสี่ยงในการเสนอ ศบค. และสถานบันเทิง รวมถึงการอนุญาตเข้าราชอาณาจักร
ซึ่งหากดูในแง่ของปัจจัยการติดเชื้อ ที่ ศบค.ชุดเล็ก จะนำเสนอเข้า ศบค.ชุดใหญ่คงต้องพิจารณาตั้งแต่การติดเชื้อทั่วโลก ตอนนี้หากดูตัวเลขทั่วโลกจะเห็นว่า สถานการณ์ทั่วโลกชะลอตัวลง แต่หากดูทิศทางแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น WHO มีความเป็นห่วง เพราะหากเทียบกับปีที่แล้ว มีทิศทางสูงขึ้นรวดเร็วโดยเฉพาะยุโรปและสหรัฐอเมริกา แม้อัตราการเสียชีวิตต่ำ แต่ตัวเลขค่อนข้างสูง โดยในวันนี้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 3,016,974 ราย เสียชีวิต 8,039 ราย ซึ่งถือว่าสูง
สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทย วันนี้พบติดเชื้อรายใหม่ 7,122 ราย แบ่งเป็น ติดเชื้อในประเทศ 6,935 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 172 ราย ในเรือนจำ 15 ราย ติดเชื้อสะสม 2,344,933 ราย เสียชีวิต 12 ราย เสียชีวิตสะสม 21,968 ราย รักษาตัวอยู่ 81,602 ราย อาการหนัก 511 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 113 ราย
หากดูทิศทางในประเทศไทย พบว่า ใกล้เคียงทิศทางโลก ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงอย่างรวดเร็ว หลังจากติดตามคลัสเตอร์หลังปีใหม่ตัวเลขเพิ่มขึ้น แต่อัตราเสียชีวิตไม่สูงตาม ทาง สธ. พยายามดูแลระบบรักษาอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะ Home Isolation ซึ่งประชาชนให้ความร่วมมืออย่างดี
ขณะเดียวกัน หากดูจังหวัดติดเชื้อสูงจะอยู่ในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวสีฟ้า ได้แก่ กทม. ภูเก็ต กระบี่ พังงา กาญจนบุรี นนทบุรี ปทุมธานี และชลบุรี หลายท่านมีความเป็นห่วงเพราะหลังปีใหม่จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวเหล่านี้เลขขยับขึ้น แต่หากจะพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ กระทรวงสาธารณสุข รวมทั้ง ศบค. ชุดเล็ก ชุดใหญ่ คงไม่ได้ดูตัวเลขผู้ติดเชื้อ แต่ดูระบบสาธารณสุข ในพื้นที่ว่ารับมืออย่างประสิทธิภาพหรือไม่และต้องมีการลงพื้นที่ดูปัจจัยเสี่ยง และแก้ให้ตรงจุด ดังนั้น การดูตัวเลขผู้ติดเชื้อเพียงอย่างเดียว คงไม่ใช่ปัจจัยว่าจะผ่อนคลายหรือไม่ ต้องดูทิศทาง และองค์ประกอบทุกมิติร่วมกัน
และจากการสอบสวนโรคของ สธ. คลัสเตอร์อันดับ 1 หลังปีใหม่ ได้แก่ ร้านอาหาร รวมทั้งสถานบันเทิง ต้องพูดคุยกันในวันนี้ให้ชัดเจน เพราะจะมีการพูดคุยกันในที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่ และการลงพื้นที่สำรวจพบว่ามีสถานบันเทิง 21 แห่ง ที่พบการติดเชื้อ มีรายงานมายัง สธ. ในจำนวนนี้ 7 ร้าน เป็นสถานบันเทิง ที่ผ่านการประเมิน COVID Free Setting แต่พบว่าผ่านแล้วก็จริงแต่มีการย่อหย่อนมาตรการ ทำให้เกิดการติดเชื้อ รายงานคลัสเตอร์ และพบว่า 14 ร้านเปิดโดยไม่มีการขออนุญาต ไม่ได้ผ่านการประเมิน COVID Free Setting ถึงแม้ว่าจะเป็นร้านที่เปิดในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวก็ต้องเปิดถึงแค่ 21.00 น.เท่านั้น พบว่า 14 ร้าน พบว่ามีการฝ่าฝืนมาตรการ และมีการติดเชื้อ
ในส่วนของ สธ. รายงานปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การติดเชื้อในร้านเหล่านี้ สิ่งสำคัญที่สุด คือ สภาพแวดล้อมไม่มีการจัดการระบบระบายอากาศ ไม่มีจำกัดระยะเวลารับประทาน ไม่มีเว้นระยะห่าง ไม่จำกัดคนเข้าใช้บริการ โดยมาตรฐานที่ สธ. กำหนด คือ เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร หรือ 4 ตร.ม. สำหรับลูกค้า 1 คน ถัดมาคือไม่มีการคัดกรองความเสี่ยงของผู้ให้บริการ หรือ พนักงาน พนักงานฉีดวัคซีนไม่ครบ ไม่มีการตรวจ ATK พนักงานทุก 7 วัน และบางร้านพนักงานเสี่ยงสูงยังมาปฏิบัติงานที่ร้าน และเกือบทุกร้านไม่มีผู้รับผิดชอบ เกี่ยวกับการเฝ้าระวังการติดเชื้อในร้าน ทำให้เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ของการติดเชื้อ สุดท้าย ไม่มีการคัดกรองความเสี่ยงผู้มารับบริการ ไม่มีตรวจสอบประวัติลูกค้า อาจจะเป็นความเกรงใจ
แต่หากช่วยกัน ลูกค้าที่ไปใช้บริการอาจมีแบบสอบถามสั้นๆ เช็กประวัติมีอาการไอ ไข้ เดินทางไปพื้นที่เสี่ยงหรือไม่ แต่ร้านเหล่านี้ไม่มีการตรวจสอบ และไม่มีการคัดกรองอุณหภูมิ การฉีดวัคซีน ATK ไม่มีการทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วม และการชำระเงินอาจจะทำให้เกิดการสัมผัส ห้องน้ำลูกบิดประตูที่ไม่ได้ทำความสะอาด ขอให้ประชาชนและผู้ประกอบการ ตรวจสอบ และพิจารณาติดสินใจ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ศบค.ชุดใหญ่พิจารณา
ส่วนประเด็นการเข้าราชอาณาจักรในที่ประชุมศบค. ชุดใหญ่ในวันพรุ่งนี้ โดยเฉพาะในระบบ Test & Go ซึ่งระงับไป 22 ธ.ค. 64 ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1-18 ม.ค. ที่ผ่านมา มีผู้เดินทางเข้าประเทศ 130,355 ราย ติดเชื้อ 4,515 ราย คิดเป็น 3.46% หากแยกกลุ่มที่ติดเชื้อในวันที่ 18 ม.ค. พบว่า แซนด์บ็อกซ์ ติดเชื้อ 88 ราย Test & Go จำนวน 59 ราย กลุ่มกักตัว 24 ราย เป็นตัวเลขที่ สธ. และหน่วยงานทีเกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งพื้นที่จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวต่างๆ มอนิเตอร์ใกล้ชิด
และนอกจากการดูตัวเลขผู้ติดเชื้อ ยังติดตามมาตรการ หากพบปัญหาแต่เนิ่นๆ และพื้นที่ร่วมมือแก้ไข เช่น การติดตามนักท่องเที่ยว ด้วยแอปฯ รวมถึงโรงแรม รพ. คู่ปฏิบัติการในการดูแลนักท่องเที่ยวที่เจ็บป่วย รวมถึงประชาชนที่เข้าดูแลคนที่เดินทางเข้าประเทศเหล่านี้ อาจจะเป็นปัจจัยร่วม ที่ศบค.ชุดใหญ่จะพิจารณาให้เกิดการผ่อนคลายในวันพรุ่งนี้เช่นกัน สิ่งสำคัญ คือ การดูแลสุขภาพประชาชน ควบคู่กับการดำเนินชีวิตที่ปกติที่สุด และเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนได้ ในเงื่อนไขที่ระบบสาธารณสุขสามารถรองรับได้ คงต้องติดตามในวันพรุ่งนี้ว่าผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่จะเป็นอย่างไร