เผยสูตร "ฉีดวัคซีนเด็ก 5-11 ปี" พร้อมไทม์ไลน์เด็กกลุ่มไหนจะฉีดได้ก่อน
กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยแผนฉีด "วัคซีนเด็ก" ในอายุระหว่าง 5 - 11 ปี ผู้ปกครองอาจจะสงสัยว่าวัคซีนที่จะฉีดให้บุตรหลานท่าน ใช้สูตรอะไร ปลอดภัยแค่ไหน และใครจะได้ฉีดก่อน วันนี้เรามีคำตอบมาให้ทุกท่าน
จากกรณีที่ "หมอยง" ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสเฟซบุ๊ก (Yong Poovorawan) ระบุเกี่ยวกับ โควิด-19 วัคซีน ขนาดของวัคซีนในเด็ก และผู้ใหญ่ ว่าขนาดวัคซีนในเด็ก และผู้ใหญ่ ตามหลักการให้วัคซีนในอดีต เช่นไวรัสตับอักเสบ บี และเอ วัคซีนขนาดเด็ก และผู้ใหญ่ จะแบ่งกันที่อายุ 18 ปี เด็กใช้ครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่ เพราะเด็กจะตอบสนองภูมิต้านทานได้ดีมาก ดีกว่าผู้ใหญ่ จึงใช้ขนาดวัคซีนน้อยกว่าผู้ใหญ่
วัคซีนไฟเซอร์ ขนาดของเด็ก 5-11 ปี ให้เพียง 1 ใน 3 ของผู้ใหญ่ (จาก 30 mcg เป็น 10 mcg) ดังนั้น จึงเชื่อว่าขนาดของเด็ก 12-18 ปี ที่ระบบภูมิต้านทานดี วัคซีนไฟเซอร์ไม่น่าจะต้องใช้ขนาดผู้ใหญ่ น่าจะลดขนาดลงเพื่อลดอาการข้างเคียงในเด็กลงได้ ทำนองเดียวกันวัคซีนโมเดอร์นาที่มีขนาดผู้ใหญ่ ให้ถึง 100 mcg เมื่อให้ในเด็กจะต้องลดลงเป็นครึ่งหรือ 1 ใน 4 ของผู้ใหญ่คงต้องรอการศึกษา และขณะนี้กำลังมีการศึกษากันมากทั่วโลก
เป้าหมายการฉีดวัคซีนในเดือน กุมภาพันธ์ 2565 ที่จะถึงนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตั้งเป้าทั้งหมด 11.6 ล้านโดส แบ่งเป็น แอสตร้าเซนเนก้า 8 ล้านโดส ไฟเซอร์ 3.6 ล้านโดส โดยในจำนวนนี้ มีกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี ที่มี 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และนักเรียนระดับ ป.5-6 (เข็ม 1) จำนวน 1 ล้านราย โดยใช้ สูตรวัคซีน ไฟเซอร์ – ไฟเซอร์ (ฝาส้ม) จำนวน 1 ล้านโดส
โดยเมื่อวันที่ 19 ม.ค.2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เผยถึง ความคืบหน้าการฉีดวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ว่า ได้รับรายงานจาก นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ว่า วัคซีนล็อตแรกจะเข้ามาถึงประเทศไทยวันที่ 26 ม.ค.2565 จำนวน 3 ล้านโดส จาก 10 ล้านโดสที่สั่งจองไว้ในเบื้องต้น
อีกทั้งมีการสุ่มตัวอย่างให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจรับรองรุ่นการผลิต ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน ก็ทราบผล จากนั้นจะกระจายไปฉีดเด็ก เริ่มที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) ก่อนเป็นแห่งแรก เพื่อเดินหน้าฉีดให้กับเด็กที่มีโรคประจำตัว ซึ่งถือเป็นเด็กกลุ่มเสี่ยงก่อน
- การจัดสรรวัคซีน ลอตแรก จัดสรรให้สถานพยาบาล สำหรับกลุ่มอายุ 5-11 ปีที่โรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ที่ไม่สามารถรับการฉีดวัคซีนผ่านระบบสถานศึกษาโดยให้กุมารแพทย์เป็นผู้พิจารณาฉีด
- ลอตถัดไป ดำเนินการผ่านระบบสถานศึกษา จัดสรรให้เด็กนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในทุกจังหวัดเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นจัดสรรให้นักเรียนชั้นปีอื่นถัดไปตามลำดับ
- การจัดสรรวัคซีนเป็นไปตามสัดส่วนของนักเรียนในแต่ละจังหวัด
- มีการสำรองวัคซีนในส่วนกลางไว้ใช้กรณีฉุกเฉินหรือมีการระบาดในพื้นที่
- การจัดสรรวัคนสำหรับการฉีดในสถานพยาบาล ให้ใช้สำหรับเด็กป่วย หรือเด็กที่เรียนผ่านระบบ Homeschool เท่านั้น
ขณะที่ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เผยว่า สำหรับการฉีดวัคซีนในเด็ก จะเริ่มในวันที่ 31 ม.ค.2565 เนื่องจากต่อให้วัคซีนเข้ามาวันที่ 26 ม.ค. แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบ และกระจายวัคซีนไปยัง รพ.ต่างๆ
สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กจะมีขนาด 1 ขวด บรรจุ 1.3 มิลลิลิตร และเมื่อผสมกับน้ำเกลือจะมีขนาด 2.6 มิลลิลิตร ทำให้วัคซีน 1 ขวด สามารถฉีดให้กับเด็กได้ถึง 10 คน คนละ 0.2 มิลลิลิตร และบริษัทพัฒนาให้วัคซีนสามารถเก็บรักษาได้นานหลังผสมน้ำเกลือในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 10 สัปดาห์ จากเดิม 4 สัปดาห์
คำแนะนำการฉีดวัคซีน Pfizer สูตรสำหรับเด็ก สูตรฝาส้ม จากราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย เด็กอายุ 5-11 ปี ให้ฉีดวัคซีนชนิด Pfizer สูตรสำหรับเด็ก ขนาด 10 ไมโครกรัม ปริมาณ 0.2 มล. เข้ากล้าม 2 ครั้ง ห่างกัน 3-12 สัปดาห์ โดยระยะห่าง 8-12 สัปดาห์ จะดีกว่า 3-4 สัปดาห์ เพราะได้รับระดับภูมิคุ้มกันที่สูงกว่า และผลข้างเคียงน้อยกว่า
1. ระยะห่างระหว่างเข็มที่ 1 และ 2 เป็นเวลา 8 สัปดาห์
2. สูตรสำหรับฉีดผู้ใหญ่และเด็กมีความแตกต่างกัน ในแต่ละสถานพยาบาล ควรแยกจุดฉีดหรือโต๊ะฉีด สำหรับขวดฝาม่วงและฝาส้มให้ชัดเจน
ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มีการเตรียมความพร้อม เปิด Timeline ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ในเด็กอายุ 5 ปี ไม่เกิน 12 ปี (11 ปี 11 เดือน 29 วัน) คาดเริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ในวันที่ 1 ก.พ.2565 เป็นต้นไป และเข็มที่ 2 ในวันที่ 26 ก.พ. 2565 เป็นต้นไป