อัพเดทข้อมูล "โอไมครอน" ผู้ที่รับเชื้อมามักจะเริ่มแสดงอาการภายในกี่วัน
"หมอธีระ" หรือ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อัพเดทข้อมูล "โอไมครอน" หากคนแพร่เชื้อเริ่มมีอาการ ผู้ที่รับเชื้อมามักจะเริ่มแสดงอาการภายในกี่วัน
"หมอธีระ" หรือ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาพูดถึง สถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน (Omicron) สาระสำคัญที่ควรรู้ ผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ว่า
1. การติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน แม้ในผู้ใหญ่จะพบว่ามีความเสี่ยงต่อการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลลดลงราว 50% และความเสี่ยงในการเสียชีวิตลดลงราว 60% เมื่อเทียบกับระลอกเดลต้า แต่กลับพบว่า "เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี" นั้นมีอัตราการป่วยจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลไม่แตกต่างจากระลอกเดลต้า เรื่องนี้จึงสำคัญมาก และเน้นย้ำให้ผู้ปกครองดูแลลูกหลานให้ดี
2. โอไมครอน สายพันธุ์ BA.2 ที่ระบาดต่อจากสายพันธุ์ดั้งเดิม BA.1 ซึ่งครองโลกอยู่ในปัจจุบันนั้น พบว่ามีอัตราการแพร่ระบาดได้เร็วกว่า BA.1 ที่น่าสนใจคือค่าเฉลี่ยของระยะเวลาตั้งแต่คนแพร่เชื้อเริ่มมีอาการ จนถึงคนที่รับเชื้อเริ่มมีอาการ (serial interval) ของเชื้อสายพันธุ์ BA.2 นั้นสั้นกว่า BA.1
โดย BA.2 มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.27 วัน (ช่วงความเชื่อมั่น 3.09-3.46 วัน) และ BA.1 มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.72 วัน (ช่วงความเชื่อมั่น: 3.62-3.80 วัน)
สรุปคือ เชื้อสายพันธุ์โอไมครอนนั้น หากคนแพร่เชื้อเริ่มมีอาการ แล้วแพร่ให้คนอื่นๆ โดยเฉลี่ยแล้วผู้ที่รับเชื้อมามักจะเริ่มมีอาการหลังจากนั้นประมาณ 3-4 วัน อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาอาจยาวไปได้ถึง 9 วัน
ข้อมูลข้างต้นเป็นประโยชน์สำหรับเราทุกคน เวลามีประวัติไปสัมผัสผู้ที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 สามารถใช้เฝ้าระวัง และสังเกตอาการตนเองไปนานราว 10 วันก็จะทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น
สำหรับไทยเรา การระบาดยังรุนแรง กระจายไปทั่ว และเป็นขาขึ้น ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ป้องกันตัวอย่างเป็นกิจวัตร ใส่หน้ากากเสมอ 2 ชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า พบปะคนเท่าที่จำเป็น ใช้เวลาสั้นๆ เลี่ยงการกินดื่มหรือแชร์ของกินของใช้ร่วมกับผู้อื่น หากไม่สบาย แม้จะอาการเล็กน้อย ควรบอกคนใกล้ชิดและที่ทำงาน หยุดเรียนหยุดงาน ไปตรวจรักษาให้หายดีเสียก่อน เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม ถัดจากนี้ไปจำนวนคนติดเชื้อที่มากขึ้น ทั้งที่ตรวจ ไม่ได้ตรวจ และไม่อยากตรวจ อาจทำให้เราเห็นปัญหาด้านสังคมมากขึ้นได้ ไม่ใช่เพียงแง่เศรษฐกิจเท่านั้น ดังนั้นหากพอช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบได้ ปัญหาก็น่าจะพอบรรเทาเบาบางลงไปได้บ้างไม่มากก็น้อย
ขอบคุณ FB : Thira Woratanarat