รองผู้ว่าฯ แจ้งเตือนปชช. ยกระดับป้องกันตัวขั้นสูงสุด เสี่ยงทุกพื้นที่
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งเตือนประชาชนยกระดับป้องกันตัวขั้นสูงสุด หลังพบเชื้อแพร่ระบาดกระจายไปทั่วทุกกลุ่ม เสี่ยงทุกพื้นที่ หลังโควิดระบาดหนัก
จากกรณี เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 65 ที่ผ่านมา คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ รายงานสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ พบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มอีก 2,978 ราย เป็นผลบวกจากการตรวจแบบ RT/PCR 376 ราย และการตรวจ ATK 2,602 ราย ทำให้ล่าสุดมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รักษาตัวสะสมอยู่ 17,662 ราย รวมทั้งมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย
ขณะที่ นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ ว่าพบผู้ติดเชื้อเข้าข่ายเพิ่มสูงขึ้น จึงต้องเร่งสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนว่าทุกพื้นที่และทุกคนมีความเสี่ยง จึงต้องขอความร่วมมือประชาชนใช้มาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล และยกระดับมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ขั้นสูงสุด (Universal Prevention) โดยงดกิจกรรมการรวมกลุ่ม การรับประทานทานอาหารร่วมกัน และสวมใส่หน้ากากอนามัย ภายใต้โครงการ “คนเชียงใหม่ รักกัน แยกกันสักพัก เพื่อลด COVID-19”
สิ่งสำคัญที่สุดคือว่า ต้องสร้างความเข้าใจให้ประชาชนว่า ในพื้นที่ทุกพื้นที่คนทุกคนมีความเสี่ยง ด้วยเหตุนี้จังหวัดเชียงใหม่จึงขอความร่วมมือประชาชนชาวเชียงใหม่ได้ใช้มาตรการป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด โดยการงดการรวมกลุ่ม งดการเปิดหน้ากาก งดการจัดกิจกรรม งดการทำอาหารร่วมกัน ภายใต้โครงการ "คนเชียงใหม่ รักกัน แยกกันสักพัก เพื่อลด COVID-19" ซึ่งดำเนินการตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมาจนถึงวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้
-ทุบสถิติ โควิดไทยวันนี้ "นิวไฮ" ทั้งใน - นอกระบบ ยอดพุ่งแบบฉุดไม่อยู่
-จังหวัดล่าสุด ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นหลักพัน ทะยานเป็นอันดับ 2 ของประเทศ
-จังหวัดแรกผู้ว่าฯ ประกาศงดจำหน่ายสุรา กิจกรรมรวมกลุ่มเกิน 50 คน
ต่อประเด็นที่จังหวัดเชียงใหม่งดการรายงานคลัสเตอร์รายงานไทม์ไลน์ รอง ผวจ.เชียงใหม่ แจงว่า การรายงานจังหวัดเชียงใหม่จะรายงานในภาพรวม เนื่องจากจังหวัดมองว่าขณะนี้มีการแพร่ระบาดไปทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโรงเรียน สถานที่ทำงาน หรือแม้แต่ในชุมชนต่างๆ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่อยากให้ประชาชนได้รับทราบว่า ทุกพื้นที่มีการแพร่ระบาดกระจัดกระจาย ทุกพื้นที่เป็นพื้นที่เสี่ยงทั้งหมด ผู้คนก็ล้วนเป็นคนเสี่ยง เพราะฉะนั้นต้องป้องกันตัวเอง ยกระดับความเข้มข้นในการป้องกันตัวเอง มีมาตรการป้องกันตัวเองอย่างสูงสุด
มาตรการในการแก้ไขป้องกันโควิด-19 กับมาตรการทางเศรษฐกิจต้องไปด้วยกัน สำหรับร้านอาหารตรงไหนมีปัญหาก็ไปแก้ตรงจุดนั้นก่อน ไม่ใช่แพร่ระบาดเพียงร้านเดียวแล้วต้องปิดทั้งหมดทั้งจังหวัด เนื่องจากว่าเศรษฐกิจต้องไปได้ เชียงใหม่มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว ประชาชนอยู่ได้ด้วยการท่องเที่ยว นโยบายในการควบคุมโรคของจังหวัดเชียงใหม่ก็จะแก้ปัญหาที่จุดเกิดการระบาด ที่ผ่านมาก็มีการปิดร้านอาหารทั้ง 7 วัน 14 วัน เนื่องจากมีการระบาดแล้วไม่ปฏิบัติตามความปลอดภัยในองค์กร หรือ COVID Free Setting โรงเรียนก็เช่นกัน จังหวัดมีนโยบายให้เปิดเรียนแบบ On Site ทุกโรงเรียน โดยมีนโยบายในการควบคุมการระบาดว่า หากเกิดการติดเชื้อในห้องเรียนใดก็ให้ปิดเฉพาะห้องนั้น หรือ ชั้นไหนติดก็ปิดชั้นนั้น ซึ่งโรงเรียนทุกแห่งก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting เช่นกัน
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ยังกล่าวอีกว่า สถิติที่ได้รับรายงานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ ผู้ป่วยเข้าข่าย และผู้ป่วยยืนยัน รวมทั้งหมดเฉลี่ยราว 3,000 คนต่อวัน แต่สถิติการใช้เตียงลดลงจากช่วงวิกฤติครั้งที่ผ่านมาอย่างมาก ซึ่งการติดเชื้อช่วงนี้เป็นสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่าเดลต้า อัตราการครองเตียงน้อยมาก ขณะนี้มีอัตราเตียงว่างเกือบ 70% กระจายไปตามโรงพยาบาลต่างๆ การรักษาตัวเอง ทั้ง HI หรือ CI จะใช้เวลาไม่มาก ทางการแพทย์เวลาในการรักษาใช้เวลา 5 วัน สังเกตอาการอีก 5 วัน โรงพยาบาลสนามในช่วงนี้จึงยังไม่มีความจำเป็น