เปิดข้อมูล "อ.เจษฎ์" เผย คนไทยจะติดโควิดกันถ้วนหน้า หลังยอดพุ่งขึ้นเรื่อยๆ
"อ.เจษฎ์" ได้ออกมาให้ข้อมูลในหัวข้อ "แล้ววันนึง คนไทยจะติดโควิดกันถ้วนหน้า จนทักกันว่า "ติดเชื้อแล้วหรือยัง"
จากกรณี "อ.เจษฎ์" ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาให้ข้อมูลในหัวข้อ "แล้ววันนึง คนไทยจะติดโควิดกันถ้วนหน้า โดยมีการระบุข้อความว่า
"แล้ววันนึง คนไทยจะติดโควิดกันถ้วนหน้า จนทักกันว่า "ติดเชื้อแล้วหรือยัง"
วันนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิด (ซึ่งแทบทุกคนน่าจะเป็นสายพันธุ์ โอมิครอน) ทำ new high อีกครั้ง และกราฟการระบาด (ที่ผมพล็อตเองทุกวัน) ก็พุ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ยังไม่มีวี่แววว่าจะถึงพีคนะครับ
แต่ถ้าดูจากประสบการณ์ในประเทศอื่นๆ (ดูกราฟรวมหลายประเทศ ในคอมเม้นต์) จะเห็นว่าระลอกการระบาดของโอมิครอนนั้น จะมาเร็วลงเร็ว ประมาณ 2 เดือน อย่างในอัฟริกาใต้ อเมริกา ยุโรป และเอเชียบางชาติที่โดนไปแล้ว เช่น อินเดีย ฟิลิปปินส์
ดังนั้น ของไทยเราก็ตรงกับที่ผมเคยทำนายไว้ตั้งแต่เดือนธันวาคม ว่าเราน่าจะเข้าสู่การระบาดหนักในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม (2 เดือน) แล้วก็จะลดลงเรื่อยๆ แต่ไม่ได้หายไปนะ .. และหวังว่า "สงกรานต์" จะไม่ทำให้เชื้อแพร่ระบาดซ้ำ เหมือนตอนเดลต้าระบาด
แนวโน้มก็คงจะติดเชื้อกันถ้วนหน้าแหละ แต่อาจจะไม่รู้ตัวกัน ถ้าไม่ได้ตรวจหาเชื้อทุกคน เพราะโควิดนั้น (ตั้งแต่สมัยเชื้อสายพันธุ์อูฮั่นแล้ว) ผู้ติดเชื้อ จำนวนถึงครึ่งนึงที่จะไม่แสดงอาการป่วยเลย และในกลุ่มที่แสดงอาการป่วย ก็กว่า 80% ที่ป่วยไม่หนัก สามารถหายเองได้ มีประมาณ 5-10% ที่จะป่วยหนักจากอาการปอดอักเสบ
แต่ถ้าท่านฉีดวัคซีนกันแล้ว แถมกระตุ้นเข็มสามแล้วด้วย ก็ไม่น่ากังวลเกินไปว่าจะป่วยหนักครับ วัคซีนช่วยเราเรื่องป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง
แต่การติดเชื้อยังเกิดขึ้นได้ เพราะเป็นโอมิครอนที่กลายพันธุ์มา ขณะที่วัคซีนพัฒนามาจากเชื้อดั้งเดิมอู่ฮั่น แถมโอมิครอน มันน่ากังวลกว่าตรงที่มันแพร่ระบาดง่ายด้วย (แม้อาการป่วยจะไม่รุนแรงเท่าเดลต้า)
ที่น่ากังวลมาก ก็แค่เรื่องว่า อย่าให้กราฟการระบาดมันพุ่งเร็วพุ่งชันเกินไป จนระบบสาธารณสุขล่มครับ ซึ่งเกิดได้ทั้งจากที่เตียงไม่พอ เจ้าหน้าที่ไม่พอ แถมเจ้าหน้าที่ติดเชื้อกันเองด้วย ... ตอนนี้ กราฟเอง ก็เริ่มส่อแววน่ากังวลขึ้น จากจำนวนผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบ เริ่มเพิ่มสูงขึ้นแล้ว
ดังนั้น ในระหว่างที่มีการระบาดหนักระลอกนี้ ก็ยังคงต้องช่วยกันชะลอการระบาดของเชื้อโรค โดยไม่ได้จำเป็นต้องล็อกดาวน์ ปิดกิจการ ปิดเมืองกันอีกนะครับ แต่ใช้หลักการเดิมๆ ที่เรารู้กัน "ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง เปิดให้อากาศถ่ายเท ฉีดวัคซีนป้องกัน" ก็เพียงพอครับ
ข้อมูลจาก (คลิก)