ราชวิทยาลัยฯ เผยหยุด "โอไมครอน" ที่ปลายจมูก ฉีดวัคซีนเข็ม 3-4 ป้องกันไม่ได้
ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เผยหยุดโอไมครอนได้ที่ปลายจมูก ฉีดวัคซีนเข็ม 3-4 ป้องกันไม่ได้ วัคซีนแบบพ่นจมูก อาจกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่แท้จริงในสงครามโควิด-19
การระบาดของเชื้อโอไมครอนชี้ให้เห็นว่าการได้รับวัคซีน 3 หรือ 4 เข็มก็ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แม้ว่าจะช่วยป้องกันความรุนแรงของโรคอย่างมีประสิทธิภาพ นั่นเป็นเพราะวัคซีนแบบฉีดจะไปกระตุ้นการผลิตแอนติบอดีในเลือดเพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัสที่เข้ามาภายในร่างกายแล้ว วิธีป้องกันให้ได้ผลมากกว่าน่าจะเป็นการป้องกันจุดที่ไวรัสจะเข้าสู่ร่างกาย ด้วยเหตุนี้จึงมีการพัฒนาวัคซีนรูปแบบต่างๆ จนนำไปสู่การผลิตวัคซีนแบบพ่นจมูก ที่อาจกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่แท้จริงในสงครามโควิด-19
ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าวัคซีนแบบพ่นจมูกมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิดีกว่าแบบฉีด ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชากรได้เร็วกว่า ลดการแพร่กระจายของเชื้อดีกว่าและยังใช้ง่ายกว่า นักวิจัยเชื่อว่าวัคซีนแบบพ่นจมูกนี้อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อ สามารถป้องกันไวรัสได้ตรงจุด นั่นก็คือเยื่อบุทางเดินหายใจซึ่งเป็นด่านแรกที่ไวรัสโคโรนาจะผ่านเข้าสู่ร่างกาย เปรียบเสมือนการวางทหารรักษาการที่ประตูเพื่อสกัดผู้บุกรุก เมื่อเทียบกับวัคซีนแบบฉีดที่เป็นการวางกองกำลังขับไล่ข้าศึกที่รุกล้ำเข้ามาถึงตัวแล้ว ซึ่งปัจจุบันมีวัคซีนแบบพ่นจมูกที่อยู่ระหว่างการพัฒนาไม่น้อยกว่า 12 ตัวทั่วโลก
-เปิดรายชื่อ3 จังหวัดยังน่าห่วง โควิดพุ่งต่อเนื่องทะลุหลักพัน
-"หมอยง" เผยแล้ว ระยะเวลาแพร่กระจาย "โอไมครอน" พบเชื้อสูงสุด 3 จุดในร่างกาย
-"อ.เจษฎ์" ไขข้อสงสัย เปิดแอร์ 27 องศา พร้อมเปิดพัดลม ประหยัดไฟจริงหรือไม่
วัคซีนแบบพ่นจมูกจะป้องกันพื้นผิวเยื่อเมือก (mucosal vaccine) ของจมูก ปาก และลำคอ ซึ่งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อและการแพร่กระจายของไวรัสได้ดีมากกว่าวัคซีนแบบฉีด ดร.มิชาล ทาล (Michal Tal) นักภูมิคุ้มกันวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดกล่าวว่า ภูมิคุ้มกันของเยื่อเมือกมีความสำคัญมากสำหรับการป้องกันการติดเชื้อ ผู้ที่ติดเชื้อมักจะมีภูมิคุ้มกันของเยื่อเมือกที่แข็งแรงขึ้น นั่นอาจช่วยอธิบายได้ว่าทำไมผู้ที่หายจากโรคโควิด-๑๙ ถึงมีภูมิต่อต้านเชื้อเดลต้ามากกว่าผู้ที่ได้รับวัคซีน
นักวิจัยทำการทดลองให้วัคซีนกระตุ้นภูมิทางจมูกกับสัตว์ทดลองหลายชนิด ได้แก่หนู แฟร์ริต หนูแฮมสเตอร์และลิง ผลการวิจัยพบว่าวัคซีนดังกล่าวสามารถป้องกันไวรัสโคโรนาได้หลากหลายสายพันธุ์ ศ.อากิโกะ อิวาซากิ นักภูมิคุ้มกันวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเยล ผู้เป็นหัวหน้าคณะวิจัยกล่าวว่า วัคซีนแบบพ่นจมูกกระตุ้นเซลล์หน่วยความจำภูมิคุ้มกันและแอนติบอดีในจมูกและลำคอ ช่วยเสริมการป้องกันจากการฉีดวัคซีนปฐมภูมิ
โดยวัคซีนแบบพ่นจมูกจะผลิตแอนติบอดีที่เรียกว่า IgA บนผิวเยื่อเมือก ซึ่งการพ่นวัคซีนเป็นฝอยละอองจะสามารถเคลือบระบบทางเดินหายใจทั้งหมด รวมทั้งปอด ไม่ใช่แค่เพียงปลายจมูกและลำคอเท่านั้น วัคซีนแบบพ่นจมูกจึงเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อ สอดคล้องกับการศึกษาอีกชิ้นหนึ่งที่พบว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนแบบฉีดครบ ๒ โดสแล้วบางรายมีแอนติบอดี IgA เพียงร้อยละ ๓๐ เท่านั้น ทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดการติดเชื้อขั้นรุนแรงได้
ขอบคุณ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ Chulabhorn Royal Academy