"ปริญญ์" โผล่มอบตัว ให้การปฏิเสธทุกข้อหา ตำรวจเตรียมขอหมายฝากขังพรุ่งนี้
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โผล่มอบตัว ให้การปฏิเสธทุกข้อหา ตำรวจเตรียมขอหมายฝากขังพรุ่งนี้
วันนี้ 16 เม.ย. 65 มีรายงานว่า นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยทนายความ ได้เข้าพบ พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผู้กำกับการ สน.ลุมพินี และพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เพื่อให้ปากคำกรณี มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความถูกกระทำอนาจาร และล่วงละเมิดหลายราย เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
นายปริญญ์ เดินทางมาด้วย รถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู รุ่น 730 แอลดี สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ฮา 1189 กรุงเทพมหานคร พร้อมทนายความ 2 คน เดินหลบสื่อมวลชนที่มาดักรอทำข่าวที่หน้า สน.ลุมพินี โดยอ้อมไปขึ้นทางบันไดด้านหลัง
ขณะที่ทางด้าน พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น./โฆษก บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตำรวจให้สัมภาษณ์ภายหลัง เข้าติดตามการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ สน.ลุมพินี กรณีนักการเมือง ลวนลามข่มขู่ละเมิดทางเพศหญิงสาวหลายราย
โดย พล.ต.ต.จิรสันต์ ระบุว่าในวันนี้นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ผู้ถูกกล่าวหา ได้ เข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อมอบตัวและรับทราบข้อกล่าวหาทั้ง 3 คดี (ไม่รวมเคสเพชรบุรีเพราะส่งกลับไปพื้นที่) ข้อหาผู้ใดกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุมากกว่า 15 ปี 2คดี และข่มขื่นกระทำชำเราอีก 1 คดี
เบื้องต้นนายปริญญ์ ให้การปฏิเสธทุกข้อหา แต่ให้รายละเอียด โดยนำหลักฐานเอกสารต่างๆ มอบให้พนักงานสอบสวนด้วย ซึ่งจากนี้พนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี เพื่อเตรียมจะขอหมายจับแต่ผู้ต้องหาเข้ามามอบตัวและรับทราบข้อกล่าวหา ดังนั้นพนักงานสอบสวนจึงทำการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำ ทำให้ไม่มีอำนาจในการควบคุมตัวขั้นตอนต่อไปจึงต้องไปการขออำนาจศาลออกหมายขัง ซึ่งนอกจากเป็นเทศกาลสงกรานต์ ศาลอาญากรุงเทพใต้จึงจะเปิดทำการในวันพรุ่งนี้ (17 เม.ย.65)
ซึ่งในวันนี้จะมีการลงบันทึกประจำวันไว้และนัดหมายนายปริญญ์ต่อในวันพรุ่งนี้ (17 เม.ย.65) เวลา 08.00 น เพื่อไปขออนุมัติการออกหมายขัง และถ้าหากนายปริญญ์ประสงค์จะขอประกันตัวก็ต้องไปขอที่ศาลเช่นกัน โดยย้ำว่าเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายและพยานหลักฐานย้ำไม่หนักใจคดีดังกล่าว และไม่ต้องตั้งคณะกรรมการเพิ่มเติม เพราะมองว่า สน.ลุมพินียังควบคุมได้ และแม้ไม่มีอำนาจในการควบคุมตัว แต่ถ้าผู้ต้องหาไม่มาตามนัดวันพรุ่งนี้ ก็ถือว่าเป็นเหตุจำเป็นเร่งด่วนสามารถจับกุมได้โดยไม่ต้องมีหมายจับ