"อัจฉริยะ" เผย "พันตำรวจเอก" รับสารภาพแล้วประเด็น "แตงโม" ปัสสาวะท้ายเรือ
"นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์" เผย "พันตำรวจเอก" รับสารภาพแล้วประเด็น "แตงโม นิดา" ปัสสาวะท้ายเรือ จริงหรือไม่จริง
วันนี้ 2 พ.ค. 65 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เข้ายื่นหนังสือร้อง ปปป. ให้เอาผิด 2 นายพลตำรวจคุมคดีแตงโม เตรียมแถลงเปิดคลิปวิดีโอและหลักฐานขบวนการสร้างข้อมูลเท็จช่วยผู้ต้องหา
ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ ยังเผยอีกว่า ทั้งหมดล้วนเป็นการสร้างหลักฐานเท็จที่ทำเป็นขบวนการ มีพลตำรวจตรีเป็นหัวหน้าขบวนการ โดยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 อาจถูกหลอกต้ม ไม่ทราบถึงขบวนการดังกล่าว แต่ที่ต้องแจ้งความเอาผิดด้วย เนื่องจากเป็นผู้บังคับบัญชาที่ทำหน้าที่กำกับดูแลคดีนี้
โดยในวันที่ 9 พ.ค. 65 เวลา 10.00 น. จะแถลงข่าวเปิดโปงขบวนการสร้างหลักฐานเท็จคดีแตงโม มีตำรวจและผู้ที่เกี่ยวข้องกว่า 20 คน มีทั้งตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวน เจ้าหน้าที่นิติเวช และตำรวจพิสูจน์หลักฐานร่วมขบวนการ โดยจะเสนอหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอมีทั้งภาพ เสียง และบทสนทนาทางไลน์ รวมถึงคำรับสารภาพของ "พันตำรวจเอกนายหนึ่ง" รับสารภาพแล้วว่า ประเด็นการปัสสาวะท้ายเรือของแตงโมไม่เป็นความจริง
ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ เผยว่า ก่อนที่จะมาร้องทุกข์กับ บก.ปปป. ได้รับการติดต่อพยายามเสนอเงินหลักแสนบาทเป็นรายเดือน เพื่อไม่ให้มาร้องทุกข์ และเปิดเผยขบวนการ ยืนยันว่า ขบวนการสร้างหลักฐานเท็จนี้เริ่มขึ้นหลังเกิดเหตุประมาณ 3 วัน และเป็นการตั้งใจเพื่อแลกรับผลประโยชน์จากผู้ที่มีส่วนได้เสียทางคดี ไม่ใช่เป็นการทำงานผิดพลาดแล้วต้องการปกปิดคดี ซึ่ง กุนซือคดีแตงโม เป็นคนเดียวกับที่ช่วยเหลือคดี บอส อยู่วิทยา ที่ขับรถชนตำรวจและหลบหนีไปต่างประเทศ
สำหรับคดีที่ส่งไปให้อัยการพิจารณาแล้ว เชื่อว่าอัยการจะตีกลับสำนวนให้ตำรวจนำไปสอบสวนเพิ่ม เช่น ประเด็นบาดแผลของแตงโม ที่มีจำนวนไม่เท่ากันในแต่ละครั้ง และไม่ตรวจหาสารเสพติดในเส้นผมของผู้ต้องหาบางคน
และในวันพรุ่งนี้จะเดินทางไปยื่นให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับนายตำรวจทั้งสองนายที่ร้องทุกข์วันนี้ พร้อมทั้งให้มีคำสั่งไปประจำที่ ศปก.ตร. คือ พลตำรวจโทจิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และพลตำรวจตรีวสันต์ เตชะอัครเกษม ผู้บังคับการสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 ในความผิดฐานมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 184 และ มาตรา 200 ช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษอาญา หรือรับโทษน้อยลง