ปลดล็อคกัญชา ชาวบ้านต้องรู้ไว้ ใช่จะทำได้ตามอำเภอใจ ข้อกฎหมายระบุชัดเจน
ปลดล็อกกัญชา ออกจากยาเสพติด ให้โทษในประเภท 5 ชาวบ้านต้องรู้ไว้ ใช่จะทำอะไรกับกัญชา ได้ตามอำเภอใจ ข้อกฎหมายระบุชัดเจน
ปลดล็อกกัญชา ชาวบ้านต้องรู้ไว้ ใช่จะทำอะไรกับกัญชา ได้ตามอำเภอใจ ถูกปลดล็อกออกจากยาเสพติดเรียบร้อยแล้ว สำหรับ กฎหมายปลดล็อกกัญชา ที่จะมีผลบังคับใช้ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข แต่เนื่องจาก พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่จะนำมาใช้ควบคุมการใช้ที่ไม่ถูกต้อง ยังไม่ผ่านการพิจารณาจากสภา อาจทำให้หลายคนยังมีความข้องใจสงสัยว่า ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. 65 เป็นต้นไป สามารถทำอะไรกับ "กัญชา" ได้บ้าง
จากข้อมูลตามที่ กระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศถอดถอน กัญชา ออกจากรายชื่อสารเสพติดให้โทษในประเภท 5 หรือ ปลดล็อกกัญชา ทำให้พืชกัญชาไม่จัดเป็นยาเสพติดตามประมวลกฎหมายยาเสพติดอีกต่อไป แต่ใช่ว่าสายเนื้อทั้งหลายจะสามารถทำอะไรกับกัญชาได้ตามอำเภอใจ เนื่องจากตามข้อกฎหมายระบุชัดเจนว่าอนุญาตเฉพาะ พืชกัญชา-กัญชง ที่มีสาร THC ไม่เกินเกิน 0.2% เท่านั้น
ตามรายละเอียดจาก กระทรวงสาธารณสุขได้ชี้แจงจุดยืนของการปลดล็อกกัญชาในครั้งนี้เพื่อประโยชน์ใน 3 เรื่อง ได้แก่
1. เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์
2. เพื่อให้เกิดเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม กลุ่มเครื่องสำอาง สมุนไพร อาหาร และส่งเสริมงานวิจัยนวัตกรรม
3. เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการดูแลสุขภาพของตนเอง
จากข้อมูลข้างต้น สรุปให้เข้าใจง่ายๆ ว่า หากจะใช้ในอุตสาหกรรมแปรรูปก็ต้องขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อน รวมถึงชาวบ้าน ที่คิดปลูกกัญชาก็ต้องปลูกในที่ที่มีรั้วรอบขอบชิดเท่านั้น และไม่นำมาใช้ทางสาธารณะด้วยเช่นกัน ซึ่งสิ่งที่ประชาชนสามารถทำได้กับ กัญชา หลังจากปลดล็อกแล้วมีดังต่อไปนี้
- สามารถปลูกได้ ในครัวเรือนเพื่อประโยชน์ในการรักษาและดูแลสุขภาพ กี่ต้นก็ได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตแต่จดแจ้งผ่านแอปพลิเคชั่น “ปลูกกัญ” ของ อย.
- สามารถซื้อได้ รวมถึงนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชา กัญชง และส่วนอื่นๆ โดยไม่ต้องขออนุญาตยาเสพติด แต่ต้องขออนุญาตผ่าน พ.ร.บ.พันธุ์พืช แทน
- ส่วนเรื่อง เสพกัญชา ยังคงเป็นที่กังขาอยู่ต้องรอ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ต่อไปสำหรับกรณีการนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม
ทั้งนี้ยังมีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า หลังวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ได้มี การปลดล็อกกัญชาเสรี เรียบร้อยแล้วนั้น ยังส่งผลถึงข้อกฎหมายต่างๆ ที่อาจเปลี่ยนรูปคดีความผิดเกี่ยวกับกัญชา เนื่องจากพืชกัญชาไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดอีกต่อไป ซึ่งจะมีรายละเอียดข้อมูลที่ควรจะรู้ไว้ดังนี้
- ผู้ต้องหาและจำเลยที่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีกัญชาทั้ง ผลิต ขาย เสพ ครองครอง พ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด
- ยกเลิกการฝากขัง ปล่อยตัวผู้ต้องหา เกี่ยวกับคดีกัญชาจะถูกยกฟ้อง
- หากจำเลยได้รับโทษอยู่ อาทิ ถูกกังขัง, ควบคุมการประพฤติ ก็ให้การลงโทษนั้นสิ้นสุดลง
- ศาลไม่สามารถคดีความผิดเกี่ยวกับพืชกัญชาซึ่งศาลเคยมีพิพากษาก่อนหน้า มาเป็นเหตุเพิ่มโทษได้
- ตำรวจไม่สามารถริบกัญชาได้ เนื่องจากพืชกัญชาไม่เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า พืชกัญชา - พืชกัญชง จะกลายเป็นของถูกกฎหมายแล้ว แต่ผู้ซื้อและผู้ขายก็ต้องศึกษาผลข้างเคียงและข้อกฎหมายต่อไป เพื่อให้พืชเสรีนี้เกิดประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ เพราะถ้ามีโทษเกิดขึ้นกับคนรอบข้าง ทางกฎหมายอาจจะต้องนำกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้งถึงกฎหมายนี้